15 สิงหาคม 2557

10 ขั้นตอนง่ายๆ แต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลี


เอนทรี่นี้มาแปลกมากๆ ค่ะ จากนักเดินทางกลับจะมาผันตัวเป็นเมคอัพอาร์ตติสซะอย่างนั้น จริงๆ แล้วก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เนื่องจากมินได้เคยรับปากไว้ในทวิตเตอร์ ว่าจะสอนแต่งหน้าแบบสาวเกาหลีให้ดูให้ชมกัน แบบที่ว่าสามารถแต่งตามได้อย่างง่ายๆ เพราะสาวเกาหลีเขาแต่งหน้าไม่จัด และไม่ลงอะไรบนใบหน้าเยอะ ขั้นตอนต่างๆ จึงไม่ยุ่งยาก มินจึงจะมาทำรีวิวสอน แต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลีใน 10 ขั้นตอน กับ เครื่องสำอางเกาหลี 10 ชิ้น กันค่ะ สนใจกันแล้วใช่มั้ยล่ะ ตามมาดูกันเล้ยยยย



ก่อนอื่นขอเกริ่นนิดนึงค่ะว่า ทำไมต้องใช้เครื่องสำอางเกาหลี? จริงๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่คิดว่าถ้าใช้เครื่องสำอางของเขาแล้วแต่งหน้าแบบสาวๆ บ้านเขา มันอินกว่าแค่นั้นเอง อิอิ และอีกอย่างเลยก็คือ เผื่อจะเป็นแนวทางให้สาวๆ ในการเลือกซื้อเครื่องสำอางเกาหลีเวลาไปเที่ยวมาแต่งตามกันได้ง่ายๆ นั่นเองค่ะ เพราะเครื่องสำอางเกาหลีมีราคาไม่แพง น้องๆ ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ก็สามารถซื้อหาได้สบายกระเป๋า ส่วนตัวมินต้องยอมรับกันนิดนึงค่ะว่า ไม่ได้ใช้เครื่องสำอางแบรนด์ของเกาหลีมานานหลายปีแล้วเหมือนกันค่ะ เพราะะหลายปีให้หลังมา มินไปอินกับการแต่งหน้าสไตล์สาวฝรั่ง แนวโกลว์ๆ บรอนซ์ๆ มากกว่า ก็เลยเปลี่ยนไปใช้เครื่องสำอางฝั่งยุโรปแทน เพราะตอบโจทย์ได้มากกว่าค่ะ แต่เนื่องจากเคยใช้เครื่องสำอางเกาหลีมาก่อน ก็เลยยังพอมีมาให้แต่งลุคนี้ได้ค่ะ

เอาล่ะ ไม่พูดมากละ ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลยค่ะว่า แต่งหน้าใสๆ แต่สีปากแซ่บๆ ที่สาวเกาหลีกำลังนิยมกันอยู่มากในขณะนี้ และเป็นเทรนด์การแต่งหน้าที่ฮิตไปทั้งประเทศนั้น แต่งยังไง มาดูกัน

Step 1 : หลังจากลงสกินแคร์ และครีมกันแดดเรียบร้อยแล้ว ลงเบสเพื่อปรับสภาพสีผิวหน้าให้เป็นสีเดียวกันและสว่างขึ้นตามสไตล์ของสาวเกาหลี ด้วย Professional Make-Up Base จาก THE FACE SHOP (ราคา 3300 วอน) เบสดังของยี่ห้อนี้เลย มินเลือกใช้ เบอร์ 01 Green ค่ะ ใช้ปริมาณเพียงนิดเดียวแค่ปลายนิ้วก้อย ทาให้ทั่วใบหน้าบางๆ อย่าทาหนาหรือเยอะไปนะคะ หน้าจะลอยได้ (มินขออนุญาติไม่ลงสภาพหน้าสดของตัวเองนะคะ เขิลอะ >.<)



Step 2 : ลง Precious Mineral BB Cream Cotton Fit จาก ETUDE (ราคา 14000 วอน) ให้ทั่วใบหน้ามินได้ตัวเทสเตอร์มาเป็น เบอร์ N02 Light Beige ซึ่งเป็นสีขาวสุดของรุ่นนี้ เลยอาจจะทำให้ลุคนี้ของมินหน้าจะขาวหน่อยนะคะ เพราะผิวมินจริงๆ จะเป็นผิวแทน สีผิวกลางๆ ต้องใช้เบอร์ W13 Natural Beige ถึงจะเหมาะค่ะ เนื้อบีบีรุ่นนี้ไม่หนาและไม่หนัก เป็นกึ่งๆ ฟูลอิด ทำให้ลงง่ายและเนียน ซึ่งมินว่ามันโอเคมากๆ เลยนะ สำหรับคนที่ชอบอะไรบางเบาแต่ปกปิดได้ดี สาวเกาหลีจะชอบบีบีครีมในลักษณะนี้มากค่ะ เพราะมันให้ลุคใสๆ แบบธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถปกปิดร่องรอยต่างๆ บนใบหน้าได้ดี ซึ่งบีบีของ ETUDE นั้นค่อนข้างจะดังและเป็นที่นิยม มีให้เลือกหลายรุ่นมากๆ มินลงบางๆ เพียงครั้งเดียวค่ะ เพราะเนื้อบีบีค่อนข้างจะปกปิดดีอย่างที่บอก จากนั้นก็ใช้พัฟฟองน้ำที่ใช้สำหรับบีบีหรือรองพื้นที่เนื้อเป็นฟูลอิดโดยเฉพาะ กดซับเบาๆ บนหน้า ให้บีบีเรียบเนียนยิ่งขึ้น ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น รวมทั้งซับความมันออกด้วย พัฟแบบนี้หาซื้อได้ทุกร้านเครื่องสำอางในเกาหลี มีทุกยี่ห้อ แต่มินใช้ของ OLIVE YOUNG ราคา 1800 วอนค่ะ (ใครไม่มีก็ข้ามไปก็ได้ค่ะ)


หน้าตาผลิตภัณฑ์ไซส์จริงเป็นแบบนี้ค่ะ



มินแนะนำ : หากใครหน้ามันมาก ต้องการบีบีที่คุมมันได้ดี WELCOS Moisturinging Jin BB Cream ตัวนี้เหมาะกับคุณค่ะ ค่อนข้างคุมมันเลยทีเดียว ทาแล้วหน้าเนียนผ่องมากๆ แต่มีข้อเสียคือ สีมันจะค่อนข้างขาวนิดนึง ถ้าผิวแทนรึคล้ำไปจะไม่เหมาะค่ะ



Step 3 : ปกปิดรอยสิว รอยดำรอยแดง (สำหรับคนที่มีปัญหา) ด้วย Perfect Concealer จาก MISSHA (ราคา 3300 วอน) มินใช้ เบอร์ 8132 (เบอร์ 2) สี Natural Beige สำหรับคนผิวสองสีค่ะ วิธีใช้คือ ใช้นิ้ววอร์มบนผลิตภัณฑ์ให้เหลวนิดๆ แล้วค่อยๆ แต้มที่รอยสิว ใช้นิ้วค่อยๆ เกลี่ย โดยใช้การแตะเบาๆ อย่าลากหรือถู เพราะไม่งั้นจะเป็นคราบ หากมีรอยเล็กๆ ให้ใช้แปรงหัวเล็กๆ เกลี่ยแทนนิ้ว จะปกปิดได้เนียนกว่า ซึ่งคอนซีลเลอร์รุ่นนี้นั้น ค่อนข้างจะปกปิดรอยสิวได้ดีถ้าเทียบกับคสอ.เกาหลีสตรีทแบรนด์อื่นๆ นะคะ 



Step 4 : หากใครมีปัญหาใต้ตาคล้ำแบบมิน (เป็นภูมิแพ้เลยขยี้ตาบ่อย + นอนดึก) ต้องใช้คอนซีลเลอร์สีสว่างๆ ช่วย มินยังคงใช้ Perfect Concealer จาก MISSHA (ราคา 3300 วอน) เหมือนเดิม แต่เลือกสีสว่างขึ้นคือ เบอร์ 8131 (เบอร์ 1) สี Light Beige มาปิดรอยคล้ำใต้ตา ซึ่งเบอร์นี้คนผิวขาวสามารถใช้ปิดรอยสิวได้นะคะ (เปิดเผยใบหน้าแล้ววววว)



มินแนะนำ : คอนซีลเลอร์สำหรับใต้ตานั้น ไม่ควรใช้แบบครีม เพราะเนื้อครีมมันหนักเกินไป และเมื่อทาใต้ตามันจะตกร่อง เห็นรอยพับใต้ตาชัดเจน คอนซีลเลอร์ที่เหมาะกับใต้ตาที่สุดก็คือชนิดฟูลอิด จริงๆ SKINFOOD Peach Sake Perfect Concealer ใช้ดีอยู่นะคะ แต่รู้สึกว่าปัจจุบันจะเลิกผลิตไปแล้ว (ซะงั้น) มินเลยไม่รู้ว่าตัวใหม่ๆ ในปัจจุบัน มีตัวไหนที่ดีกว่าสกินฟู้ดตัวนี้ค่ะ



Step 5 : เซ็ททุกอย่างด้วยแป้งพัฟ Lovely Twoway Cake Matt จาก BEAUTY CREDIT (ราคา 8400 วอน) หรือที่คนไทยเรียกว่าแป้งม้าโยก ขั้นตอนนี้สาวเกาหลีบางคนก็ไม่ใช้ค่ะ เพราะบางคนชอบลุคแบบดิวอี้ๆ หน่อย ไม่ชอบให้หน้าแมทจนเกินไป แต่สาวไทยส่วนใหญ่เป็นมนุษย์หน้ามันและรูขุมขนกว้าง เพราะฉะนั้น มินแนะนำให้ใช้แป้งลงทับทุกอย่างอีกทีนึง เพื่อไม่ให้ที่เราลงไปนั้น ไหลย้อยมากองรวมกันในระหว่างวัน จะเลือกใช้เป็นแป้งฝุ่นหรือแป้งพัฟก็ได้ตามแต่ชอบ มินอยากให้หน้าเนียนกริบแบบสาวเกาหลี เลยใช้แป้งพัฟแบบผสมรองพื้น เบอร์ 23 ตลับสีม่วง สำหรับผิวสองสี (ตลับสีชมพูสำหรับสาวผิวแห้งเพราะเป็นสูตรมอยเจอร์ไรส์เซอร์) แป้งรุ่นนี้มินชอบใช้มากสมัยที่อินกับการแต่งหน้าแบบเกาหลี เพราะมันคุมมันได้ดี และปกปิดเยี่ยม แถมหน้าเนียนกริบเลยล่ะ


และเพื่อความเบาไม่หนักหน้าหรือหนาจนเกินไป มินเลือกใช้แปรงคาบูกิแบบนี้ แทนการใช้พัฟฟองน้ำนะคะ เพราะมันจะได้ความเบาบางกว่าแต่ยังคงความเนียนค่ะ โดยใช้แปรงวนๆ ไปที่แป้ง แล้วนำมาปัดเบาๆ ที่ใบหน้าค่ะ



มินแนะนำ : หากใครไม่อยากใช้แป้งพัฟ แต่อยากใช้แป้งฝุ่นเพื่อให้ดูเบาๆ ใสๆ กว่านั้น แนะนำ MISSHA Beauty Credit Lovely Face Powder ตัวนี้ค่ะ ใช้ดีมากเช่นกัน สำหรับแบรนด์นี้นั้น เรื่องของไลน์แป้งเขาไม่เป็นสองรองใครค่ะ



Step 6 : ลงอายชาโดวสีโทนส้ม สีเนื้อ หรือน้ำตาลอ่อนๆ ลงบนเปลือกตา มินใช้ Eye Shadow Black Labal จาก THE FACE SHOP (ราคา 3900 วอน) สี 01 Orange (ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว) ทาลงไปบนเปลือกตาให้ทั่วๆ แบบบางๆ นะคะ ไม่ต้องเน้นมาก เพราะสาวเกาหลีเขาจะแต่งทุกอย่างบนหน้าให้ดูเบาบางที่สุด ดูเป็นธรรมชาติที่สุด แล้วไปเน้นที่ลิปสติกสีสดเพียงอย่างเดียวค่ะ



Step 7 : หมดยุคสมัยการเขียนอายไลน์เนอร์หนาๆ เฉี่ยวๆ หรือแคทอายแล้วล่ะค่ะ เพราะปัจจุบันสาวเกาหลีนิยมเขียนอายไลน์เนอร์แบบไม่ตั้งใจเขียน นิยมใช้ดินสอมากกว่าเพราะดูเป็นธรรมชาติ มินใช้ Styling Eye Liner จาก ETUDE (ราคา 2500 วอน) เบอร์ 01 สี Black โดยเขียนให้ชิดขอบตาที่สุดและไม่ต้องลากหาง จากนั้นใช้คอตตอนบัตค่อยๆ ถูๆ ลงไปบนไลน์เนอร์ให้มันฟุ้งๆ ก็จะได้เส้นขอบตาที่ดูเป็นธรรมชาติค่ะ ส่วนขอบตาล่าง หรืออินเนอร์ไลน์เนอร์นั้น สาวเกาหลีก็ไม่นิยมเช่นกันค่ะ แต่ถ้าใครชอบ (แบบมิน) ก็ใช้ดินสอตัวนี้ได้นะคะ มินใช้อยู่ปัจจุบัน ไม่เลอะ ไม่แพนด้า ใช้ดีค่ะ ราคาถูกด้วย ส่วนมาสคาร่านั้น บางคนก็ไม่ปัด แต่ถ้าใครอยากปัดให้เลือกแบบเส้นเรียงกันเป็นธรรมชาติก็พอนะ อย่าเลือกแบบหนา ยาว ดกดำ ฟูล่า อะไรแบบนี้ไม่เอานะคะ ในที่นี้มินไม่ได้ปัดมาสคาร่า เพราะอยากให้ดูธรรมชาติสุดๆ >.<



มินแนะนำ : หากใครมองหาอายไลน์เนอร์แบบน้ำ เผื่อเอาไว้เขียนตาในวันที่อยากดูโฉบเฉี่ยว ตัวที่ใช้ดีและขายดีตลอดกาลของอีทูดี้คือ ETUDE Oh m' Eye Line AD ตัวนี้ค่ะ



Step 8 : ขั้นตอนนี้ขอรวม 2 ขั้นตอนไว้ด้วยกันนะคะ เพราะว่ามีการใช้คสอ.ซ้ำกัน สาวเกาหลีมักกันคิ้วตรงๆ เพราะมันจะทำให้หน้าดูเด็กกว่าการกันคิ้วโก่งแบบฝรั่ง ส่วนการเขียนคิ้ว สาวเกาหลีจะเขียนคิ้วเบาๆ ไม่ลงหนักให้เข้ม แค่ปัดๆ เพื่อให้คิ้วเรียงกันเท่านั้น เพราะเน้นให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติที่สุด และไม่ได้เขียนคิ้วหนาเป็นปัง หรือเป็นปลิงอย่างที่เราเข้าใจนะคะ คิ้วเขาจะเขียนแบบไม่ตั้งใจเขียน ไม่ได้ขึ้นรูปขึ้นโครงชัดเจนค่ะ มินใช้ Choco Eyebrow Powder Cake จาก SKINFOOD (ราคา 3900 วอน) เบอร์ 2 สี Grey Brown  มินเลือกใช้สีน้ำตาลอ่อนซ้ายมือ ปัดเบาๆ ลงบนคิ้ว เพื่อให้คิ้วเรียงตัวกันเท่านั้นเอง เพราะคิ้วมินหนาอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าใครเป็นสาวคิ้วบางหรือไม่มีคิ้ว อนุญาตให้วาดเป็นรูปได้นิดนึง แต่อย่าตีกรอบคิ้วให้ชัดเกินไปนะคะ ซึ่งที่เขียนคิ้วตัวนี้ใช้ดีมากๆ เลยล่ะค่ะ



มินแนะนำ : หากใครไม่ถนัดใช้แบบฝุ่น ก็มีแบบดินสอที่ใช้ดีไม่แพ้กัน แนะนำ ETUDE Tint My Brows ตัวนี้ค่ะ



จากนั้นก็ตามด้วยการปัดแก้มเบาๆ สีส้มสว่างๆ อย่าเลือกส้มอมแดงเชียวล่ะ เพราะมันจะทำให้คุณดูแก่ขึ้น ให้เลือกสีโทนส้มใสๆ หรือชมพูหวานๆ ส่วนสีแดง สาวเกาหลีก็ไม่ค่อยนิยมค่ะ นอกจากต้องการให้หน้าดูเหมือนบ่มแดดเบาๆ ก็เลือกใช้สีแดงปัดเบาๆ ได้ แต่อย่าหนักมือเลยเชียว สาวเกาหลีปัดแก้มเบามากถึงมากที่สุด บางคนไม่ปัดเลยก็มี ส่วนคนที่ปัดชัดๆ ปัดหนักๆ นานน้านนนนน จะเจอสักคนนึงค่ะ มินไม่มีบลัชของเกาหลี ก็เลยง่ายๆ ค่ะ ใช้อายชาโดว์ด้านบนนั่นแหละ สีส้มพอดีเลย 

มินแนะนำ : หากมองหาบลัชเกาหลี มินแนะนำ ETUDE Lovely Cookie Blusher ค่อนข้างจะติดทนมากๆ และมีให้เลือกหลายสีด้วยค่ะ



Step 9 : เพิ่มมิติให้หน้าด้วยไฮไลท์ Secret Beam Highlighter AD จาก ETUDE (ราคา 9000 วอน) สี 01 Pink&White โดยใช้แปรงวนๆ สีให้ผสมกัน แล้วปัดบนใบหน้าตามจุดต่างๆ ที่มินวงไว้ให้ ก็คือ หน้าผาก โหนกแก้ม ใต้ตา สันจมูก เหนือริมฝีปาก และคาง ปัดเบาๆ พอนะคะ อย่าหนักมือ เพราะเราต้องการแค่ไฮไลท์บนหน้า ไม่ได้ต้องการดิสโก้บอล >.< มินใช้แปรงแบบในภาพในการลงบริเวณที่เป็นพื้นที่ใหญ่ๆ เพราะมันจะวางแนวไฮไลท์ได้ดีกว่าใช้แปรงแบบปัดแก้ม ส่วนเหนือริมฝีปากและใต้คาง มินใช้แปรงเล็กๆ ค่ะ และอย่าลืมไฮไลท์บริเวณใต้คิ้ว เหนืออายชาโดวที่เราเพิ่งลงไปด้วยนะคะ เพิ่มความกระจ่างใสนิดนึง ขั้นตอนนี้สาวเกาหลีบางคนก็ไม่ทาค่ะ แต่มินอยากให้หน้าดูสว่าง เลยแอบลง ซึ่งไฮไลท์ตัวนี้เป็นตัวที่นิยมตลอดกาลของอีทูดี้ค่ะ เพราะมันได้ลุคดิวอี้ๆ แบบเกาหลีสุดๆ 


อ้อ แล้วอย่าได้ไปเฉดดิ้งหรือคอนทัวร์หน้าเชียวนะคะ บอกแล้วว่าสาวเกาหลีเขานิยมใสๆ การคอนทัวร์หน้าหรือเฉดดิ้งสันจมูก เป็นเรื่องที่ผิดวัฒนธรรมอย่างมากค่ะ!


Step 10 มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี รองจากการลงบีบีให้เนียนกริบแล้วนั้น ก็คือ การทาลิปสติกสีสดค่ะ สาวเกาหลีเลือกแต่งหน้าให้บางดูลุคธรรมชาติทุกอย่าง เพื่อที่จะมาฟาดปากสีสดๆ ให้หน้าดูไม่จืดชืดจนเกินไปนั่นเอง สีที่นิยมก็คือแดง ส้มสดๆ และชมพูนีออน หรือช็อกกิ้งพิงค์ เลือกตามใจชอบ มินใช้ Delight Tony Tint จาก TONY MOLY (ราคา 4500 วอน) เบอร์ 02 สี Red ทาบนปากโดยแตะเบาๆ บนริมฝีปากทั้งบนและล่างแล้วเม้ม ที่มินไม่ลงให้ทั่วแบบทาลิปปกตินั้น ก็เพราะว่าสาวเกาหลีจะทาลิปสีสดแบบไม่เน้นขอบปากค่ะ เขาจะทาแบบไม่ตั้งใจ (คือทุกอย่างบนหน้าทำเหมือนไม่ตั้งใจหมดอะ แต่จริงๆ คือ ตั้งใจมากกกกกกกกกกกกก) และไม่ต้องใช้ดินสอเขียนขอบปากนะคะ สาวเกาหลีไม่นิยมจ้า ซึ่งถ้าใครชอบทินต์ ก็แนะนำแบรนด์นี้แหละ เพราะของเขาดีจริง ติดแน่นทนนานกว่าแบรนด์อื่น (เฟิร์ม!) และขายดีตลอดกาลเช่นกัน



หรือจะลองเปลี่ยนเป็นลิปสติกเป็นสีชมพูนีออนดูบ้าง ก็สวยเก๋ดีนะคะ



สาวคนไหนชอบแต่งหน้าโทนส้ม ต้องเลือกสิปสติกสีส้มสดๆ แบบนี้เลย เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย ได้ลุคสาวเกาหลี โคเรียนสไตล์สุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ 


มินแนะนำ : สำหรับลิปสติก มินไม่ได้ใช้ของเกาหลีนะคะ แต่สำหรับแบรนด์เกาหลีที่มินอยากแนะนำก็จะเป็น ETUDE Color Lips-fit ค่ะ เพราะสีสดมากๆ และเหมาะกับสไตล์โคเรียนเกิร์ลที่มินแต่งให้ดูกันมากๆ เลยล่ะ มีทั้งหมด 7 สี 7 วันพอดีเลยค่ะ



เป็นยังไงบ้างคะ กับ 10 ขั้นตอนง่ายๆ แต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลีที่มินทำรีวิวมาให้ชม พร้อมวิธีการแต่งที่ใครก็สามารถแต่งตามได้ไม่ยุ่งยาก แถมใช้เครื่องสำอางไม่เยอะ และราคาไม่แพงจนเกินไปด้วยค่ะ ลองคำนวณดูแล้วถ้าใช้ตามมินข้างบนก็จะแค่ 56,100 วอน หรือประมาณ 1,683 บาทเท่านั้นเอง! (ได้ทั้งลุค) ไปเกาหลีครั้งหน้า อย่าลืมเอาลุคนี้ไปแต่งตามกันนะคะ จะได้สวยใสสู้กับสาวเกาหลีได้ยังไงล่ะ ^^

นี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างที่เอามาเล่ามาเม้ากันสนุกๆ นะคะ มินไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องแต่งหน้าแบบนี้เวลาไปเที่ยวเกาหลีนะ ใครชอบแบบไหน สไตล์ใครเป็นยังไงก็ตามใจเลยค่ะ แค่เอาเทรนด์การแต่งหน้าของสาวๆ ที่นั่นมาบอกเท่านั้นเอง เพราะเชื่อมินเถอะ ถ้าคุณไปนานๆ แบบมิน มันจะรู้สึกได้เองว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม มันเป็นยังไงคะ อิอิ

*หมายเหตุ - คิดเรท 0.03
                  - ราคาสินค้า เป็นราคา ณ วันที่โพส


6 ความคิดเห็น:

  1. แต่งหน้าเกาหลีๆ มาแรงๆตอนนี้ ต้องแบบมันๆ ฉ่ำๆ เลย ใช้พวก oil control water คุชชั่นแต่งเอา
    ของเดอะเฟสช็อปก็ได้ รับรองสวยปังปัง แบบเป๊ะเวอร์ !!

    ตอบลบ
  2. ตอนนี้ชอบใช้คุชชั่นมากค่ะ รู้สึกหน้าฉ่ำเงาดี จริงๆชอบเพราะติดจากซีรี่ย์เกาหลี ชอบอินว่าตัวเอง

    เป็นนางเอก 55 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ อยากลองใช้อ่า แต่ตอนนี้ติดใจของเดอะเฟสช้อปอยู่ ที่

    เพิ่งออกมาใหม่ เน้นปกปิดคือติดมาก intense cover หนูใช้อยู่ แต่อยากให้พี่อั้มรีวิว

    อีกตัวนึงค่ะ ที่เป็นสำหรับคนหน้าแห้ง ultra moist cushion อยากรู้ว่ามัน

    คล้ายตัวปกปิดมั้ยยย ^ ^

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ7/3/59 18:13

    เราชอบนะแต่งหน้าแบบนี้อ่า เห็นเงาๆมีแต่คนเชียร์คุชชั่นของ Thefaceshop
    น่าใช้ดีอ่า อยากได้ตัวปกปิด ยังไงขอขอบคุณสำหรับรีวิวนะค๊า เดี๋ยวจะไปแต่งตาม :)

    ตอบลบ
  4. ชอบนะหน้าเงาๆแบบนี้ แต่แอบแต่งยาก บางทีแต่งแล้วแบบไม่โป๊ะก็ปัง
    เราชอบใช้คุชชั่นของเดอะเฟสช้อปอ่ะง่ายดี ช่วงนี้มีโปร Kakao cushion 379 บาทแถมรีฟิลด้วยยย

    ตอบลบ
  5. แต่งสไตล์เกาหลีอ่ะ ต้องใช้คุชชั่นค่ะ เราชอบใช้คุชชั่นของ thefaceshop นะ ได้ผิวแบบดิวอี้เลย แถมราคาไม่แพง 699 บาทเอง ไม่ต้องคอยเติม ยิ่งล่าสุดตลับคุชชั่นน่ารักมาก เป้นลายดิสนี่ย์ มีหมีพู มิกกี้ และก็พี่ไมค์ ลองไปดูได้ค่ะที่ช้อป

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เนื้อหามันตั้งแต่ปี 57 แล้วนะคะ นี่มาโฆษณาแฝงรึเปล่า?

      ลบ