23 กุมภาพันธ์ 2560

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดในเกาหลี ปี 2016


หนึ่งในคำถามที่มินมักจะเจอบ่อยๆ ก็คือ ไปเที่ยวเกาหลี ไปที่ไหนดี? ต้องบอกว่าสถานที่เที่ยวในเกาหลีนั้น ก็มีมากมาย อยู่ที่ความชอบและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ว่าชอบท่องเที่ยวแบบไหน ชอบเที่ยวเชิงธรรมชาติ ชอบเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ชอบเที่ยวตามแลนด์มาร์ค ชอบเที่ยวแหล่งช้อปปิ้ง หรือชอบเที่ยวดูวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็มีให้เลือกไปเยือนอยู่กระจัดกระจายทั่วประเทศ อย่างเช่นในโซล ก็มีหลายที่ด้วยกันที่น่าสนใจ การท่องเที่ยวเกาหลี เขาจึงจัดอันดับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดในเกาหลี ปี 2016 ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกัน มาให้มือใหม่ได้ตามไปเที่ยวกันค่ะ

อันดับ 1 พระราชวังคยองบกกุง (경복궁) 


พระราชวังหลักที่สำคัญของเกาหลี เพราะเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในสมัยราชวงศ์โชซอน และเป็นพระราชวังแรกของราชวงศ์นี้ด้วย มีชื่อเล่นว่า "พระราชวังทางเหนือ" เพราะคำว่า 복 (บก) ในภาษาเกาหลีแปลว่า ทางเหนือ นอกจากจะได้ชมสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของเกาหลีผ่านสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในพระราชวังแล้วนั้น ยังได้ชมพิธีผลัดเปลี่ยนเวรยามในสมัยก่อน ที่ทำการแสดงทุกวันอีกด้วย

อ่านรีวิวพระราชวังคยองบกกุง

Open from : 9:00-18:30 (ธันวาคม-กุมภาพันธ์ ปิด 17:00)
Closed : Tuesdays
Admission : 3000 วอน (เข้าชมฟรีทุกวันพุธสุดท้ายของเดือน)
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 สีส้ม ลงสถานี Gyeongbokgung ทางออกที่ 5



อันดับที่ 2 เกาะนามิ (남이섬)


เกาะนามิ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก มาจากเป็นสถานที่ถ่ายทำละครยอดนิยม "Winter Sonata" (เพลงรักในสายลมหนาว) ในปี 2002 แต่เดิมเป็นเกาะที่ก่อตัวขึ้นเนื่องจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่ได้สร้างเขื่อนชองพยอง หากจะมาเที่ยวยังที่นี่ เหมาะมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงยาวไปจนถึงฤดูหนาว แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการสำรวจเกาะจนทั่ว แต่ที่นี่ก็มีแม่เหล็กคอยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวกันได้สม่ำเสมอ ด้วยเพราะความมีเสน่ห์ในตัวเอง จึงทำให้แม้ละครจะจบไปนานสิบกว่าปีแล้ว แต่เกาะนามิก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงวันนี้

อ่านรีวิวเกาะนามิ

Open from : ทุกวัน 7:30-21:40
Admission : 8000 วอน (รวมค่าเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะ) ถ้าเข้าหลัง 18:00 (เดือนธันวาคม - มีนาคม) หรือหลัง 19:00 (เดือนเมษายน - พฤศจิกายน) เหลือ 4000 วอน, เด็กอายุต่ำกว่า 36 เดือน เข้าฟรี
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 7 สีเขียวขี้ม้า ลงสถานี Sangbong และต่อรถไฟสาย Gyeongchun ไปลงที่สถานีคาพยอง (Gapyeong) เมืองชุนชอน และจากหน้าสถานีคาพยอง ขึ้นแท็กซี่ไปยังเกาะได้เลย



อันดับที่ 3 โซลทาวเวอร์ (N 서울타워) 



โซลทาวเวอร์จัดได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงโซล ตั้งอยู่บนยอดเขานัมซานในใจกลางเมือง ที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีและมีชื่อเสียงมากที่สุดสำหรับการมาชมวิวกรุงโซลตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังเคยเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายละคร รายการวาไรตี้มากมาย ล่าสุดก็คือ "You Who Came From The Star" และ "Legend of the Blue Sea" และไม่ใช่แค่การมาชมวิวเท่านั้น ที่นี่ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ และจุดน่าสนใจอื่นๆ อย่างเช่น การคล้องกุญแจ ที่โด่งดังไปทั่วโลก และความพิเศษของโซลทาวเวอร์คือ จะมีการเปลี่ยนแปลงของสีในตอนกลางคืนอีกด้วย

อ่านรีวิวโซลทาวเวอร์

Open from : อาทิตย์-ศุกร์ 10:00-23:00, เสาร์ 10:00-24:00
Admission : 10000 วอน
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 สีส้ม หรือสาย 4 สีฟ้า ลงสถานี Chungmuro ทางออกที่ 2 จากนั้นขึ้นรถ Namsan Sunhwan Shuttle Bus สาย 02 หรือนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปก็ได้ สามารถไปยังเคเบิ้ลคาร์ได้โดย รถไฟใต้ดินสาย 4 สีฟ้า ลงสถานี Myeongdong ทางออกที่ 3



อันดับที่ 4 หมู่บ้านโบราณบุคชน (북촌한옥마을) 



สถานที่ที่จัดได้ว่าเป็นตัวแทนของกรุงโซล หมู่บ้านบุคชนฮันอก ที่นี่ได้แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของอาคารแบบดั้งเดิมของเกาหลี แต่เดิมในสมัยก่อน เป็นย่านที่ญาติของพระราชวงศ์อาศัยอยู่ ส่วนในปัจจุบัน ก็ยังมีผู้คนพักอาศัยอยู่จริงๆ นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมแล้ว ยังมีจุดถ่ายรูปและชมวิวกรุงโซลถึง 8 จุดด้วยกัน

อ่านรีวิวหมู่บ้านโบราณบุคชน

Open from : ทุกวัน
Admission : Free
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 สีส้ม ลงสถานี Anguk ทางออกที่ 1 หรือ 2



อันดับที่ 5 สวนสนุกล็อตเต้เวิล์ด (롯데월드) 


หากกำลังมองหาสถานที่ที่จะสนุกสนานได้ทั้งวัน แนะนำสวนสนุกล็อตเต้เวิล์ด! สวนสนุกที่เปิดให้บริการตลอดทั้งปี และเต็มไปด้วยเครื่องเล่น และการแสดงต่างๆ ที่สำคัญตั้งอยู่ในเมืองโซลที่สะดวกและง่ายต่อการไปเที่ยว ใครที่ชอบความท้าทาย ที่นี่มีทั้งสวนสนุกในร่มและกลางแจ้งที่จะมอบความสนุกสนานและเพลิดเพลินให้กับทุกคนที่มาเยือน และอย่าลืมใช้บริการ Magic Pass! บัตรด่วนที่จะช่วยย่นระยะเวลาในการต่อคิวรอเครื่องเล่น ใช้คู่กับตั๋วแบบ Daily Ticket และใช้สำหรับเครื่องเล่นได้เพียง 3 ครั้งต่อวันเท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมระวังในการเลือกใช้


อ่านรีวิวสวนสนุกล็อตเต้เวิล์ด

Open from : ทุกวัน 9:30-23:00 (เวลาเปิดปิดแต่ละฤดูจะไม่ตรงกัน สามารถเช็ควันต่อวันได้ ที่นี่)
Admission : One-day Ticket (ค่าเข้า+เครื่องเล่น) : ผู้ใหญ่ 52000 วอน, นักเรียน 45000 วอน, เด็ก 41000 วอน, ทารก 13000 วอน (หลังเวลา 16:00 ผู้ใหญ่ 41000 วอน, นักเรียน 36000 วอน, เด็ก 32000 วอน, ทารก ฟรี)
Admission Only Ticket (เฉพาะค่าเข้า ไม่รวมเครื่องเล่น) : ผู้ใหญ่ 36000 วอน, นักเรียน 32000 วอน, เด็ก 29000 วอน, ทารก ฟรี  (หลังเวลา 16:00 ผู้ใหญ่ 30000 วอน, นักเรียน 27000 วอน, เด็ก 24000 วอน, ทารก ฟรี, หลังเวลา 19:00 ผู้ใหญ่ 18000 วอน, นักเรียน 16000 วอน, เด็ก 14000 วอน, ทารก ฟรี)

*ทารก = ต่ำกว่า 36 เดือน, เด็ก = 36 เดือน - 12 ปี, นักเรียน 13-18 ปี

How to go : รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว หรือ สาย 8 สีชมพู ลงสถานี Jamsil ทางออกที่ 4



อันดับที่ 6 มยองดง (명동)




ถนนช้อปปิ้งมยองดงที่เต็มไปด้วยสตรีทฟู้ดมากมาย และร้านค้าหลากหลาย ที่สามารถหาซื้อสินค้าทุกอย่างได้ที่นี่ จัดได้ว่าเป็นแหล่งแฟชั่นและแหล่งช้อปปิ้ง ที่วัยรุ่นเกาหลีนิยมรวมไปถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงยังรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าทั้ง Lotte Department Store, Lotte Young Plaza และ Shinsegae จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์ของนักช้อปอย่างไม่ต้องสงสัย


อ่านรีวิวมยองดง

Open from : ทุกวัน 9:30-23:00 (เวลาเปิดปิดร้านต่างๆ จะไม่เหมือนกัน)
Admission : Free
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 4 สีฟ้า ลงสถานี Myeongdong ทางออกที่ 6



อันดับที่ 7 ตลาดนัมแดมุน (남대문 시장) 


ตลาดนัมแดมุน เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และมีประวัติมายาวนานกว่า 600 ปี ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเขตจุงกุ ติดกับมยองดง ตลาดแห่งนี้มีทุกอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์ครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า งานฝีมือแบบดั้งเดิม สินค้าการเกษตร อาหาร ผลไม้ โสม และสินค้านำเข้าอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งขายของกินของใช้และของฝาก เพราะมีขนม อาหารแห้ง บะหมี่ สาหร่าย ขายอยู่มากมาย ที่สำคัญที่ตลาดแห่งนี้สามารถต่อราคาได้ด้วย!


อ่านรีวิวตลาดนัมแดมุน

Open from : เวลาเปิดปิดของแต่ละร้านและแต่ละตึกจะแตกต่างกันไป สามารถเช็คได้ ที่นี่ ส่วนเวลาของร้านค้าเอาท์ดอร์ จะเปิดประมาณ 6:00-21:00
Closed : Sundays
Admission : Free
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 4 สีฟ้า ลงสถานี Hoehyeon ทางออกที่ 5



อันดับที่ 8 Lotte Department Store (롯데백화점)




ห้างสรรพสินค้าล็อตเต้สาขาแรก เปิดให้บริการในปี 1979 เป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของเกาหลี ที่รวม Avenuel, Lotte Young Plaza, Lotte Duty Free และอื่นๆ ไว้ในที่เดียวกันหรือบริเวณใกล้เคียง เพื่อต้องการให้เป็นสถานที่ช้อปปิ้งแบบ All-in-One นอกจากนี้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2016 เป็นต้นมา ห้างสรรพสินค้าในเครือล็อตเต้สามารถทำ Tax Refund ได้เลยทันที สำหรับทุกบิลที่ซื้อสินค้ามากกว่า 30,000 วอน แต่ไม่เกิน 200,000 วอน โดยจะได้รับการยกเว้น VAT 10%  สำหรับบิลนั้นๆ และการทำ Tax Refund จะสามารถทำได้รวมแล้วไม่เกินหนึ่งล้านวอนต่อวัน


Open from : ทุกวัน 10:30-20:00  (ศุกร์-อาทิตย์ ปิด 20:30)
Admission : Free
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว ลงสถานี Euljiro 1-ga ทางออกที่ 7



อันดับที่ 9 อินซาดง (인사동) 




อินซาดง มักจะถูกเรียกว่า "ถนนวัฒนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิม" หรืออีกชื่อคือ ถนนสายวัฒนธรรม (Antique Street) ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายงานฝีมือแบบดั้งเดิมและของที่ระลึก รวมไปถึงร้านอาหารและคาเฟ่ที่ขายอาหารแบบดั้งเดิมรวมถึงชาในร้านที่เป็นลักษณะบ้านโบราณฮันอก (Hanok) จนเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของถนนเส้นนี้ และสิ่งที่เป็นท็อปฮิตของที่นี่ก็คือ ตึก Ssamzigil ที่มีโครงสร้างของตัวอาคารแบบมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำที่ไหน ด้วยการไม่มีบันได แต่มีทางเดินวนไปในแต่ละชั้นจากชั้นใต้ดินถึงชั้นที่สี่ ที่ตึกนี้มีทั้งแกลเลอรี่, ร้านขายงานหัตถกรรมแบบดั้งเดิม, ของแฮนด์เมด, เฟอร์นิเจอร์, และอื่นๆ ให้เลือกซื้อ รวมถึงชั้นบนสุดที่เปิดเป็นสวนลอยฟ้า ที่จะสามารถมองเห็นวิวของท้องถนนอินซาดงอีกด้วย


อ่านรีวิวอินซาดง

Open from : ทุกวัน 10:00-22:00 (ร้านค้าส่วนมากจะเปิดครบเวลา 11:00) ตึกซัมชีกิลเปิด 10:30-20:30 และปิดวันซอลลัลกับวันชูซอก **วันอาทิตย์จะปิดการจราจรไม่ให้รถผ่านให้เป็นถนนคนเดิน
Admission : Free
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 สีส้ม ลงสถานี Anguk ทางออกที่ 6



อันดับที่ 10 สะพานพันโพ (반포대교) 



สะพานพันโพ หนึ่งในสถานที่ที่โรแมนติกที่สุดในยามค่ำคืน ที่นี่เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวจากละครยอดนิยม "Boys Over Flowers (2009)" และ "Iris (2009)" ที่นี่เป็นสะพานที่ถูกบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊คเวิลด์เร็คคอร์ดในปี 2008 ว่าเป็นสะพานน้ำพุที่ยาวที่สุดในโลก โดยน้ำพุสายรุ้งจะทอดตัวไปตามสะพานที่ความยาว 570 เมตร เป็นสายรุ้งที่เต้นระบำไปพร้อมๆ กับเสียงเพลงทุกคืน (ยกเว้นช่วงฤดูหนาว)

รอบการแสดงน้ำพุ (รอบละ 15 นาที)
- เมษายน-มิถุนายน, กันยายน-ตุลาคม
วันจันทร์-ศุกร์  12:00, 20:00, 21:00
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด  12:00, 17:00, 20:00, 20:30, 21:00

- กรกฎาคม-สิงหาคม
วันจันทร์-ศุกร์  12:00, 20:00, 20:30, 21:00
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด  12:00, 17:00, 19:30, 20:00, 20:30, 21:00, 21:30

*งดการแสดงในช่วงฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม


อ่านรีวิวสะพานพันโพ

Open from : เวลารอบการแสดงน้ำพุ ตามข้างต้น
Admission : Free
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 สีส้ม, สาย 7 สีเขียวขี้ม้า, สาย 9 สีน้ำตาลอ่อน ลงสถานี Express Bus Terminal Station ทางออกที่ 8-1

หากยังไม่มีตัวเลือกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ลองไปเที่ยวให้ครบ 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมนี้กันดูมั้ยคะ เพราะแต่ละที่ก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันไป แต่หากว่าใครไปเที่ยวครบแล้ว ไว้มินจะเอาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ ที่น่าสนใจมาแนะนำกันอีกค่ะ


Credit : ข้อมูลและภาพประกอบจาก visitkorea.or.kr

21 กุมภาพันธ์ 2560

ตารางดอกไม้บาน ปี 2017


เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่เกาหลีมาถึง หลายคนตั้งตารอที่จะไปชมดอกพ็อตโกต หรือซากุระเกาหลีกัน แต่จริงๆ แล้วนั้น ที่เกาหลีไม่ได้มีแต่ดอกซากุระเท่านั้นนะ เพราะยังมีดอก Forsythia หรือ 개나리 (แคนารี) และดอก Azalea หรือ 진달래 (จินดัลแร) อีกด้วย ที่จะบานสวยงามให้ชมกันในช่วงกลางเดือนหรือปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งดอกไม้นั้นจะเริ่มบานในช่วงเวลาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับภูมิภาคค่ะ โดยจะบานตั้งแต่ทางตอนใต้ของประเทศไล่ขึ้นไปทางเหนือ ใครที่ไปเที่ยวในช่วงนี้ จะได้เห็นดอกไม้สีเหลืองบานตามแนวเขาเต็มเมืองเลยล่ะ เรามาดูตารางดอก Forsythia และดอก Azalea ของปี 2017 นี้กันค่ะ


ดอก Forsythia

ดอก Forsythia  จะเริ่มบาน ทางตอนใต้ก่อนนะคะ เริ่มที่เกาะเชจู บานวันที่ 11 มีนาคม ตามมาด้วยทางใต้ของประเทศ ปูซาน แทกู ยอซู ควางจู จะบานช่วง 15-19 มีนาคม และทางตอนกลางของประเทศ ชอนจู แทจอน จะบานช่วง 22-26 มีนาคม และทางตอนเหนือ โซล อินชอน จังหวัดคยองกีโด และจังหวัดคังวอนโดทั้งหมด จะบานช่วง 27 มีนาคม - 2 เมษายนค่ะ และคาดว่าช่วง 1-3 เมษายน จะเป็นช่วงที่ดอก Forsythia ในโซล จะบานเต็มที่และสวยที่สุดค่ะ



ส่วนวันที่เริ่มบานตามแต่ละเมือง ก็ตามนี้เลยค่ะ
- ซอกวิโพ (เกาะเชจู) เริ่มบาน 11 มีนาคม
- ปูซาน เริ่มบาน 15 มีนาคม
- ทงยอง เริ่มบาน 17 มีนาคม
- แทกู เริ่มบาน 18 มีนาคม
- ยอซู เริ่มบาน 19 มีนาคม
- ควางจู เริ่มบาน 19 มีนาคม
- โพฮัง เริ่มบาน 19 มีนาคม
- ชอนจู เริ่มบาน 22 มีนาคม
- แทจอน เริ่มบาน 26 มีนาคม
- ชองจู เริ่มบาน 26 มีนาคม
- โซล เริ่มบาน 27 มีนาคม (ตรงกับปีที่แล้ว)
- อินชอน เริ่มบาน 1 เมษายน
- ชุนชอน เริ่มบาน 2 เมษายน


สำหรับเทศกาลชมดอก Forsythia ที่น่าสนใจก็คือ Gurye Sansuyu Festival จัดที่เมืองกูเร จ.ชลลานัมโด ในปีนี้ตรงกับวันที่ 18-26 มีนาคม ค่ะ อ่านรายละเอียด




และอีกงานที่คนเกาหลีให้ความสนใจกันมากก็คือ Eungbongsan Forsythia Festival ที่บริเวณเขาอึงบงซาน อยู่ในโซลนั่นเอง ซึ่งมินเองเคยได้มีโอกาสไปชมมาเมื่อปีที่แล้ว บอกเลยว่าสวยงามมากค่ะ เทศกาลจะมีวันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน ค่ะ อ่านรายละเอียด




และอีกหนึ่งดอกไม้ที่จะบานใกล้ๆ กันเลยก็คือ ดอก Azalea ค่ะ ดอกนี้จะบานหลังดอก Forsythia นิดหน่อย จะเริ่มบานตามแนวภูเขาและเนินเขาเริ่มจากทางตอนใต้เช่นเดียวกันค่ะ สำหรับปีนี้ที่เกาะเชจู เริ่มบานวันที่ 18 มีนาคม ตามด้วยทางใต้ จะบานวันที่ 18-27 มีนาคม ทางตอนกลาง จะบานวันที่ 26-28 มีนาคม และสุดท้ายทางตอนเหนือของประเทศและโซล จะบานวันที่ 28 มีนาคม - 4 เมษายนค่ะ

ดอก Azalea


ส่วนวันที่เริ่มบานตามแต่ละเมือง ก็ตามนี้เลยค่ะ
- ซอกวิโพ (เกาะเชจู) เริ่มบาน 18 มีนาคม
- ทงยอง เริ่มบาน 18 มีนาคม
- ปูซาน เริ่มบาน 19 มีนาคม
- ยอซู เริ่มบาน 20 มีนาคม
- โพฮัง เริ่มบาน 21 มีนาคม
- แทกู เริ่มบาน 22 มีนาคม
- ควางจู เริ่มบาน 26 มีนาคม
- ชอนจู เริ่มบาน 26 มีนาคม
- แทจอน เริ่มบาน 26 มีนาคม
- ชองจู เริ่มบาน 28 มีนาคม
- คังนึง เริ่มบาน 28 มีนาคม
- โซล เริ่มบาน 28 มีนาคม (ช้ากว่าปีที่แล้ว)
- อินชอน เริ่มบาน 1 เมษายน
- ชุนชอน เริ่มบาน 4 เมษายน


เทศกาลชมดอก Azalea ที่น่าสนใจก็คือ Hapcheon Hwangmaesan Royal Azalea Festival ที่ Hwangmaesan County Park เมืองฮาปชอน จ.คยองซังนัมโด จะมีขึ้นวันที่ 30 เมษายน - 14 พฤษภาคม  อ่านรายละเอียด 


และอีกที่คือเทศกาล Yeongchwisan Azalea Festival ที่จะมีขึ้นวันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน จัดที่บริเวณเขา Yeosu Yeongchwisan เมืองยอซู จ.ชลลานัมโดค่ะ




หากมีแพลนจะไปเที่ยวยังเมืองต่างๆ พอดี ก็อย่าลืมแวะชมดอกไม้สวยๆ กันนะคะ แล้วจะรู้ว่านอกจากดอกซากุระ ยังมีดอกไม้อื่นๆ ที่สวยไม่แพ้กันเลยล่ะค่ะ

*หมายเหตุ ตารางดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงการคาดการณ์ล่วงหน้าเท่านั้น ระยะเวลาการบานอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ


Credit : ข้อมูลและภาพประกอบจาก visitkorea.or.kr, visitseoul.net, news.thekorea.kr, blog.naver.com/thefotos, hc.go.kr

4 กุมภาพันธ์ 2560

บุฟเฟ่ต์สตรอเบอร์รี่ ที่โรงแรม Sheraton Seoul D Cube City Hotel


ทุกปีในช่วงฤดูสตรอเบอร์รี่ ที่โรงแรม Sheraton Seoul D Cube City Hotel นั้น จะมีบุฟเฟ่ต์ All About Strawberry ค่ะ ซึ่งจะมีทั้งอาหารต่างๆ และของหวานสตรอเบอร์รี่ รวมถึงเครื่องดื่ม ให้กินกันแบบไม่อั้นเลยล่ะ


ในไลน์ของอาหารนั้น ก็มีทั้งอาหารเกาหลี และอาหารฝรั่ง อย่างพิซซ่า เบอร์เกอร์ สลัด เป็นต้น


แต่ทีเด็ดนั้นอยู่ที่ของหวานสตรอเบอร์รี่ค่ะ ที่ขนมาเสิร์ฟแบบจัดหนักจัดเต็ม เรียกได้ว่าใครเป็นสตรอเบอร์รี่เลิฟเวอร์ หรือสาย (ของ) หวานแล้วล่ะก็ ฟินมากแน่นอน





นอกจากนี้ยังมีทั้งช็อกโกแลต ไอศกรีม ผลไม้ต่างๆ รวมถึงสตรอเบอร์รี่สด และเครื่องดื่มอีกมากมายด้วยค่ะ



ถ้าอยากฟินไปกับสตรอเบอร์รี่แบบจุใจแล้วล่ะก็ ต้องมาที่นี่เลย! หรือจะควงคู่กันไปดินเนอร์วันวาเลนไทน์นี้ก็ไม่เลวนะคะ ราคาบุฟเฟ่ต์หัวละ 44000 วอน (ประมาณ 1320 บาท) กินได้ 2 ชั่วโมง สำหรับช่วงเวลาของเทศกาลบุฟเฟ่ต์สตรอเบอร์รี่นั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 2560 ค่ะ บุฟเฟ่ต์มีวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 12:30-14:30 วันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 15:00-17:00 และ 17:30-19:30 ที่ห้องอาหาร Feast ชั้น 41 **ต้องโทรจองก่อนไปนะคะ




Address : 662, Gyeongin-ro, Guro-gu, Seoul
Website : www.sheratonseouldcubecity.co.kr
Reservation : +82-2-2211-1710
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 1 สีน้ำเงิน หรือสาย 2 สีเขียว ลงสถานีชินโดริม (Sindorim) ทางออกที่ 1 หรือหากมาจากสนามบินอินชอน ให้ขึ้นรถ Limousine Bus สาย 6018 มาลงที่หน้าโรงแรมได้เลยค่ะ





Credit : ข้อมูลและภาพประกอบจาก visitkorea.or.kr, oeker.net, sheratondcube