31 มีนาคม 2558

รีวิวเกาหลี พาเที่ยวจินแฮ วันที่ซากุระร่วงโรย


สวัสดีค่ะทุกคนนนนน ถึงตอนนี้หลายคนคงกำลังวางแผนกันอยู่ใช่มั้ยคะว่า จะไปชมซากุระเกาหลีที่ไหนกันดี? จริงๆ แล้วในเกาหลีนอกจากในโซลนั้นก็มีให้ชมหลายที่ค่ะ แต่จะอยู่นอกเมืองออกไปบ้าง หรือไม่ก็อยู่จังหวัดอื่นๆ ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่า เดินทางไปลำบากมั้ยอะ แล้วดั้นด้นไปตั้งไกลจะคุ้มค่ารึเปล่า? นั่นสินะคะ เพราะแบบนี้มินจึงจะมาพาทุกคนไปยังสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นสถานที่ที่ชมดอกซากุระที่นิยมที่สุดสำหรับคนเกาหลีเองและคนต่างชาติ ที่นี่ก็คือ จินแฮ เมืองชางวอน จังหวัดคยองซังนัมโด ที่มินเคยมีโอกาสได้ไปชมมาเมื่อปีที่แล้วค่ะ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลเลยล่ะ มินเลยอยากเอาภาพมาให้ชมกันว่า ถ้าเราไปช้าแบบมินแล้วนั้น ที่นั่นจะเหลืออะไรให้ชมบ้างค่ะ ตามมาดูกันเล้ยยยย



มินขอเริ่มตั้งแต่การเดินทางมาเลยนะคะ เผื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่กำลังวางแผนอยู่ด้วย ว่าจะเดินทางไปจินแฮแบบง่ายๆ ได้ยังไงบ้าง เมื่อปีที่แล้ว มินได้ไปเกาหลีค่ะ ตั้งใจไปดูซากุระที่จินแฮเนี่ยล่ะ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่สะดวก จึงทำให้มินได้เดินทางมาเกาหลีในคืนวันที่ 9 เมษายน และถึงสนามบินอินชอนเช้าวันที่ 10 เมษายนค่ะ มาถึงวันสุดท้ายของเทศกาล ก็เลยทำให้ต้องตัดสินใจสะพายเป้ไปจินแฮทันที มินกับเพื่อนเลยรีบนั่ง AREX ไปยัง Seoul Station (ปีที่แล้วรถไฟ KTX ยังไม่เปิดให้บริการที่สนามบิน) ซึ่งถ้าใครไปปีนี้นั้น สะดวกขึ้นมาก เพราะเมื่อถึงสนามบิน สามารถนั่ง KTX ไปได้เลย โดยไม่ต้องกลับเข้าโซล เว้นว่า...จะเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บก่อน มินนั่งรถไฟ KTX โดยซื้อตั๋วไปลงสถานีมาซาน (Masan = 마산) เพราะที่จินแฮไม่มีสถานีรถไฟ KTX นะคะ **ราคาตั๋วต้องเช็คในเว็บเอานะคะ เพราะมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนของมินที่เห็นราคา 41300 วอน เพราะว่าเป็น "ตั๋วยืน" ค่ะ เนื่องจากเที่ยวรถไฟรอบเร็วสุดที่มินจะไปได้ "ที่นั่งเต็ม" และมินไม่มีเวลารอเที่ยวต่อไป จึงจำเป็นต้องซื้อตั๋วยืน ต้องบอกว่ายืนจริงๆ ค่ะ แต่ถ้าจะนั่งกับพื้นก็ได้นะ แค่ไม่ให้เกะกะผู้โดยสารคนอื่นๆ พอ


มินขึ้นเที่ยว 10:40 และถึงมาซานเวลา 13:46 ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ใครตีตั๋วยืนมาแบบมินนี่เหนื่อยและเพลียเอาการนะคะ แนะนำว่าถ้ามาช่วงเทศกาล จองตั๋วล่วงหน้ามาก่อนเลย หรือถ้าใครตั้งใจมา KTX แบบเช้าเย็นกลับ โซล-จินแฮ แนะนำซื้อ KR PASS เลยค่ะ แต่ต้องจองทางเว็บมาก่อนเท่านั้น และถ้าใครอยากเที่ยวจินแฮให้ทั่ว มินแนะนำให้นั่ง KTX เที่ยวเช้าสุดเลยค่ะ คือเวลา 5:50 และกลับออกจากมาซานเที่ยวสุดท้ายคือเวลา 21:50 จะได้เที่ยวได้ทั่วเมืองค่ะ

*จองตั๋วรถไฟ KTX
*จองตั๋ว KR PASS


ขบวนรถไฟ KTX

พอมาถึงสถานีมาซานแล้วก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปเรื่อยๆ เลยค่ะ แล้วจะเจอกับป้ายทางออก เพื่อออกจากสถานีไปด้านนอก



ภายในสถานีมีป้ายโฆษณาสถานที่ชมซากุระของจินแฮด้วยนะคะ ซึ่งที่คลองยอชวาชอนนั้น ติดอันดับ 17 ที่ CNN Travel เลือกให้เป็นสถานที่น่าเที่ยวที่สุดในประเทศเกาหลีค่ะ


ส่วนสถานีรถไฟคยองฮวา ที่มีอุโมงค์ซากุระนั้น ถูกจัดอันดับให้เป็นสถานที่น่าเที่ยวอันดับที่ 5 เลยล่ะค่ะ


มองออกไปด้านนอกอาคาร จะเห็นเมืองมาซานแล้วค่ะ


บรรยากาศด้านหน้าสถานี




ด้วยเพราะปีที่แล้วนั้น ยังไม่บริการรถไฟพิเศษ ทำให้มินยังต้องใช้วิธีการเดินทางเดิมๆ คือ แท็กซี่ค่ะ มินเรียกแท็กซี่ไปยังจินแฮ เพียงแค่บอกว่าจินแฮ คนขับก็จะเข้าใจได้เลย (คนที่เมืองนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้นะคะ) ใช้เวลาประมาณครึ่งชม.ก็จะถึงจินแฮค่ะ มินบอกให้คนขับขับไปแถวๆ วงเวียนที่จัดงานเลย เนื่องจากจะพักที่นี่ 1 คืน และโรงแรมที่เล็งไว้ก็อยู่ตรงวงเวียน (Jungwon Rotary) จะได้ไม่ต้องเดินไกลค่ะ ส่วนถ้าใครมารถไฟพิเศษ ก็จะไปลงที่สถานีรถไฟจินแฮ ที่อยู่ใกล้กับคลองยอชวาชอนเลยล่ะ 

วิวดอกไม้สวยๆ ระหว่างทาง

ถ้าใครคิดจะมาพักที่จินแฮสักคืนนั้น อาจจะลำบากในเรื่องการสื่อสารหน่อยนะคะ เพราะอย่างที่บอกจะหาคนในเมืองนี้ที่พูดอังกฤษได้ค่อนข้างยากค่ะ ต้องใช้ภาษามือ บวกกับความพยายามในการสื่อสารกันสักหน่อย มินนั้นเลือกพักที่ Top Motel (탑모텔) ค่ะ เป็นโมเต็ลที่มีห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกคล้ายโรงแรม ราคาห้องคู่ คืนละ 60000 วอน (ประมาณ 1800 บาท) ถือว่าไม่ถูกไม่แพง เพราะว่าเป็นโมเต็ล ไม่ใช่เกสเฮ้าส์ ราคาจะแพงกว่าอยู่แล้วค่ะ ที่เลือกพักที่นี่ เพราะมันอยู่ตรงวงเวียนเลยนั่นเอง ง่ายต่อการเดินทาง และการหาค่ะ

Top Motel

โมเต็ลแห่งนี้มีห้องเยอะมาก และมีหลายชั้น บรรยากาศตัวตึกอาจจะดูน่ากลัวนิดหน่อย เพราะมันเก่าและค่อนข้างมืดสลัว แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลนะคะ เพราะคุณป้าที่อยู่เคาเตอร์ด้านล่างก็ดูใจดีค่ะ อาจด้วยเพราะความเก่ามากกว่า บวกกับเป็นโมเต็ล บรรยากาศเลยอาจจะไม่ถูกใจใครหลายคนเท่าไหร่ แต่สำหรับมินกับเพื่อน สบายๆ ค่ะ รับได้ พอเราสองคนมาถึงห้องแล้วก็ถอดรองเท้าก่อน


บรรยากาศภายในห้อง มีขนาดกว้างขวางทีเดียว พักกันสองคนนี่สบายเลยค่ะ ไม่อึดอัด วางกระเป๋าเดินทางได้สบาย แต่มินกับเพื่อนมีแค่เป้คนละใบเท่านั้น


เตียงนอนสำหรับสองคนค่ะ นุ่มสบายเชียวล่ะ


หันมาอีกด้าน จะเจอประตูห้อง ห้องน้ำ และโซฟา มีชุดคลุมอาบน้ำให้ด้วยคนละชุด แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัวนะคะ


ทีวี คอมพิวเตอร์ ก็มีพร้อมสรรพ พร้อมด้วยตู้เย็น และกาน้ำ


นี่คือส่วนของโต๊ะเครื่องแป้ง ที่มีอุปกรณ์พร้อมมากๆ ไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม หวี เจลและมูสใส่ผม อ้อ ที่ห้องมีเครื่องปรับอากาศและฮีตเตอร์นะคะ และก็มีพัดลมตั้งพื้นให้ด้วย


มาดูภายในห้องน้ำกันบ้าง มีอ่างอาบน้ำขนาดเล็กด้วยนะ


อุปกรณ์ภายในห้องน้ำก็มีครบค่ะ แชมพู ครีมนวด ครีมอาบน้ำ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน กระดาษทิชชู่ นี่คือข้อดีของที่พักแบบโมเต็ล คือจะมีอุปกรณ์ให้ครบเหมือนโรงแรม ต่างจากเกสเฮ้าส์ที่บางที่ก็มี บางที่ก็ไม่มี ส่วนตัวมินโอเคนะคะ ห้องสะอาด ห้องน้ำสะอาด ไม่แคบเกินไป ห้องนอนมีขนาดกว้างขวาง มีโซฟาให้นั่งพัก เตียงก็ขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ นอนสองคนได้ไม่เบียดเกินไป เตียงนุ่มนอนสบาย จะมีก็แค่อย่างเดียวจริงๆ คือ บรรยากาศนอกห้อง ทั้งทางเข้า ทางเดิน ค่อนข้างอึมครึม อาจเพราะเทศกาลวันสุดท้ายแล้วจึงไม่ค่อยมีคนแล้ว นักท่องเที่ยวคงกลับไปหมด โมเต็ลจึงค่อนข้างเงียบเชียบและวังเวงค่ะ บอกตรงๆ คืนนั้นกลัวผีมากค่ะ แต่เดชะบุญที่มินกะเพื่อนเหนื่อยกับการเดินทางมากๆๆ เพราะเรามาถึงสนามบินก็รีบมาที่นี่เลย จึงทำให้เพลียและผล็อยหลับไปทั้งคู่ จึงไม่มีเวลาให้กลัว นัยว่า ถ้าผีมาหลอก คงเซ็ง เพราะหลับกันสนิทมากกกกก ทีวีไม่ปิด ไฟเปิดสว่างจ้า แถมมินนอนทั้งที่แว่นยังไม่ได้ถอดด้วยซ้ำ คือหลับเป็นตายมาก ผีคงปลุกแล้วไม่ตื่นอ่ะค่ะ 555555555555


สุดท้ายกับวิวจากห้องพัก ที่มองออกไปยังวงเวียนสถานที่จัดงาน เห็นจินแฮชัดเจนเลยล่ะ นึกภาพตามนะ ว่าถ้าซากุระเบ่งบาน มุมนี้จะสวยแค่ไหน 




เอาล่ะ สำรวจห้องกันเสร็จแล้ว เดินออกไปชมเมืองจินแฮกันดีกว่า จริงๆ แล้วจินแฮเป็นชื่อเขต ที่ตั้งอยู่ในเมืองชางวอน แต่มินขอเรียกว่าเมืองจินแฮแล้วกันนะคะ เพราะมันเหมือนเมืองเล็กๆๆ ที่สงบเงียบ ที่นี่หากไม่ใช่ช่วงเทศกาลซากุระแบบนี้ ชาวเมืองก็จะอยู่แบบเงียบๆ และไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้น จินแฮจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเฉพาะแค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น หนึ่งปีจะมีครั้งเดียวที่ที่นี่ต้องเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว







ความจริงแล้ว แค่ย่างเท้าเหยียบเข้ามาที่จินแฮ ก็จะพบกับซากุระมากมายเรียงรายตามถนนเลยล่ะค่ะ สังเกตจากในภาพ ที่เห็นโกร๋นๆ นี่คือต้นซากุระทั้งนั้นเลยนะคะ แต่อย่างที่บอกว่ามิน "มาช้าไป" มาเอาวันสุดท้ายของเทศกาล ซึ่งดอกซากุระก็ร่วงโรยไปแทบหมดต้นแล้ว ถือซะว่ามินเอาบรรยากาศของเมืองนี้มาให้ดูกันนะคะ 






เดินผ่านร้านนี้ ของโปรดมินกับเพื่อนเลยล่ะ ต้องแวะซื้อกินสักหน่อย คเยรันปัง อันละ 1000 วอน



มินเดินตามถนนไปเรื่อยๆ ก็เจอคลองยอชวาชอนในตำนาน ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเช็คอินที่นี่ แม้ว่าจะเสียดายเล็กน้อยที่มาไม่ทันตอนมันบานสะพรั่งสวยงาม แต่อย่างน้อยก็พอจะสัมผัสได้ว่า ถ้ามาเร็วกว่านี้ ที่นี่จะสวยแค่ไหน สังเกตได้ว่าไม่มีนักท่องเที่ยวเลยล่ะค่ะ ก็นะ ร่วงหมดขนาดนี้ ใครจะมา >.< ขนาดตอนนั่งแท็กซี่มา คนขับยังพูดเป็นภาษาเกาหลีเลยว่า ร่วงหมดแล้วนะไปทำไม ก็นะ มาถึงนี่แล้วอะ กลับไม่ได้แล้ววววว






ดูสิโกร๋นไปหมด แต่ยังดีที่มีดอกคาโนล่าเหลืองๆ ไว้ให้สดใสขึ้นนิดนึง





ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ ก็ปาไปจะหกโมงเย็นแล้วล่ะค่ะ เพราะมินมาถึงจินแฮก็เกือบบ่ายสามเข้าไปแล้ว กว่าจะจัดการเรื่องที่พักเสร็จออกมาเดินเล่นก็สี่โมง เพราะฉะนั้นใครจะมา รีบมาให้เช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะคะ จะได้มีเวลานานๆ เพราะมินเชื่อว่าถ้ามันยังไม่ร่วง มันต้องสวยมากๆ เหมือนที่เราเห็นในภาพแน่นอน


ตอนนั้นก็เริ่มเย็นมากแล้ว มินกับเพื่อนคิดว่าถ้าจะนั่งรถไปสถานีรถไฟที่มีอุโมงค์ซากุระคงจะไม่ทัน อาจจะตะวันใกล้ตกดินซะก่อน อีกอย่าง ไปแล้วคงไม่เห็นอะไร เพราะขนาดที่คลองยังร่วงแทบหมด ก็เลยตัดสินใจไม่ไป เดินเล่นละแวกนี้แทน ก็เดินไปคุยกันไป เหมือนมีมินกับเพื่อนแค่สองคนเท่านั้นที่เป็นนักท่องเที่ยว มีแค่เราสองคนจริงๆ ค่ะตอนนั้น




เดินไปเดินมา ก็ตัดสินใจจะกลับที่พักกัน ไปเอนหลังพักเหนื่อยเมื่อยขากันสักแป๊บ เพราะตั้งกะมาถึงเกาหลี เรายังไม่ได้พักกันเลย ตอนเดินกลับมา ก็เริ่มจะมีแสงสีจากไฟประดับบ้างแล้ว ให้พอเรียกน้ำย่อยก่อนที่คืนนี้มินกับเพื่อนจะเดินกลับไปที่คลองอีกครั้ง เพื่อไปดู Light-up กันค่ะ





ขากลับผ่านโซนขายของ เหมือนตลาดนัดบ้านเรา เลยแวะซื้อของกินอีกละ ได้ไส้กรอกมา 2000 วอน ถามว่าอร่อยมั้ย ไส้กรอกด้านในเป็นแบบถูกๆ อ่ะค่ะ ไม่อร่อยเลย แต่ขนมปังด้านนอกชุบกับมันฝรั่ง กรอบๆ อร่อยดี


พักเหนื่อยกันสักพัก ฟ้ามืดแล้ว ก็ออกไปที่คลองกันค่ะ ไปดูไฟสวยๆ กัน Light-up จะเริ่มเวลา 18:00-23:00 ทุกวันในช่วงเทศกาลนะคะ ใครที่มาเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับ ก่อนกลับก็แวะมาดูก่อนก็ยังทันนะ เพราะรถไฟพิเศษเที่ยวสุดท้าย ที่ต้องไปขึ้นที่สถานีจินแฮนั้น คือเวลา 19:18 ค่ะ









ชมไฟกันเสร็จแล้ว ก็กลับที่พักกันค่ะ มาจินแฮรอบนี้มินกับเพื่อนอาจจะพลาดอะไรสวยๆ ไปหลายอย่างเพราะมาผิดช่วง แต่ก็ได้ความประทับใจกลับไป ที่แน่ๆ ได้เจอหนุ่มเกาหลีที่นี่ขับรถพาไปดินเนอร์ริมทะเลด้วยละ อรั้ยยยยยยย อย่าคิดลึกนาาา แค่ไปกินข้าว พูดคุย ทำความรู้จักกันค่ะ มินใจง่ายค่ะ หนุ่มชวนไปเลี้ยงข้าวก็ไป โตแล้วไปไหนก็ได้ 55555 แต่ไม่มีอะไรเกินเลยมากกว่านั้น กินข้าวกันเสร็จ แวะชมวิวสวยๆ ริมสะพานตามภาพด้านล่าง แล้วก็พามินกับเพื่อนกลับมาที่พักค่ะ โดยที่ทุกวันนี้มินก็ยังงว่า เขาต้องการอะไร???? เพราะมินไม่เสียอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเงินรึตัว อิอิ นับว่าหนุ่มชางวอนนี่เป็นสุภาพบุรุษดีทีเดียวค่ะ มีการบังคับให้เรียกว่าโอปป้าด้วยนะ หนุ่มเกาหลีนี่บ้าจี้กับคำว่าโอปป้าจริงๆ ค่ะ เรียกไปเถอะ ยิ้มหน้าบานอ่อนระทวย เขาก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรมินนะ แถมเทคแคร์อย่างดี มีการคาดเบลท์ให้ มีการเอาเสื้อมาใส่ให้กลัวหนาว และพูดว่า "ถ้ามาที่นี่อีก ให้นึกถึงโอปป้าคนนี้ก็พอ" โอ๊ะโอ ซีนโรแมนติกค่ะคุณ นี่มันซีรีย์เกาหลีชัดๆ 5555555


มินกับเพื่อน (คุณเพื่อนดูแมนมาก แต่หญิงแท้นะคะ 5555) ภาพนี้หนุ่มเกาหลีที่พาไปถ่ายให้ เบลอเชียยยยย สงสัยตื่นเต้นมีสาวมาด้วย อิอิ


ก่อนเข้าที่พัก มินร่ำลาส่งหนุ่มเกาหลีไปแล้ว ก็ชวนเพื่อนออกไปเดินเล่นเก็บตกบรรยากาศกันต่อ มาที่โซนขายของที่เดิม ที่ตอนนี้ดูคล้ายๆ งานวัดบ้านเราเลยค่ะ มีทั้งของกิน เพิงขายอาหาร ร้านขายของ และก็โซนเล่นเกม ยิงปืน ปาเป้า อะไรแบบนั้น เหมือนบ้านเราเดี๊ยๆ









แอบมีบิงโกด้วยนะ ที่เต้นท์สีขาวไกลๆ ได้ยินเสียงแว่วๆ นี่มันงานวัดชัดๆ นึกว่าเดินอยู่งานวัดประเทศไทยเลยนะเนี่ย


มีการแสดงพื้นบ้านให้ชมด้วย มองไปก็มีแต่เจ้าถิ่น อาจุมม่า อาจัชชี่ ไม่ก็พ่อแม่พาลูกมาเที่ยว ไม่เห็นนักท่องเที่ยวเลยสักกะคน เหงานะเนี่ยยยยย จำให้มั่น "อย่ามาวันสุดท้ายนะคะทุกคน"


กินขนมทิ้งท้ายสักหน่อย เดินมาเจอร้านขายวาฟเฟิล กับโฮต็อกของโปรดดดดด แวะซื้อซะเลย อร่อย ถูก อันละ 1500 วอน ฟินนนนน


จบคืนนี้ที่จินแฮของมินแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าจะพาไปนั่งร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักๆ ในจินแฮกันต่อในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ที่มินกับเพื่อนจะต้องไปแล้ว จุดมุ่งหมายของเราต่อไปคือ ปูซานค่ะ มีภาพจินแฮยามค่ำมาให้ดู จะบอกว่าเมืองเล็กๆ แบบนี้ ก็มีร้าน PARIS BAGUETTE ด้วยน้า

ตึกขวามือในภาพคือ Top Motel


มาที่เช้าวันรุ่งขึ้น มินกับเพื่อนรีบตื่นแต่เช้า เก็บของเช็คเอาท์ แล้วก็สะพายเป้เพื่อออกเดินทางกันต่อ ก่อนไปก็แวะเข้าร้านกาแฟสักหน่อย สูดกลิ่นอายของฝนพรำยามเช้าค่ะ






ร้านกาแฟร้านนี้อยู่ริมคลองนั่นล่ะค่ะ หาไม่ยาก นี่ถ้าซากุระยังไม่ร่วงนะ การได้นั่งจิบกาแฟดูดอกซากุระไปด้วย มันคงฟินมากกกกกกกกกก (ร้องไห้รอบที่ล้านแปด)


ร้านมีขนาดเล็กๆ ค่ะ แต่ก็น่ารักดี






สั่งเครื่องดื่มกันดีกว่า มินสั่ง Iced Earl Grey Tea ราคา 3500 วอน


ส่วนของเพื่อนสั่ง Iced Chocolate ราคา 3500 วอนเท่ากัน


พอฝนเริ่มหยุด มินกับเพื่อนก็เดินหาป้ายรถเมล์ที่จะพาเรานั่งรถไปปูซานได้ ระหว่างทางเจอต้นซากุระอีกต้น แวะถ่ายรูปกรี๊ดกร๊าดกันแป๊บนึง นี่น่าจะเป็นต้นที่สวยที่สุดที่เราสองคนได้เจอที่นี่ค่ะ (เพราะต้นอื่นร่วงหมดแล้ว)


ถามๆ คนแถวนั้น ว่าจะไปปูซานต้องไปขึ้นรถที่ไหน ก็มีเจ้าหน้าที่เดินพามายังป้ายรถเมล์เลย เจ้าหน้าที่ที่เป็นคุณลุงบอกว่า ถ้าจะไปปูซานให้รอรถที่ป้ายนี้แหละ ซึ่งป้ายจะอยู่หน้าร้าน PARIS BAGUETTE Cafe แบบนี้ค่ะ

Photo by Daum Map


ชื่อป้ายนี้ชื่อว่า 해양극장 (แฮยางกึกจาง) ค่ะ หาไม่เจอถามคนที่นั่นได้เลย 



จุดสังเกตของป้ายนี้นะคะ จะอยู่ตรงข้ามกับ Hwacheon Shopping Street และธนาคาร NH ค่ะ



หันมาอีกด้านก็จะเป็นร้าน CROWN BAKERY และ Mr.Pizza ค่ะ


เราสามารถซื้อตั๋วกับพนักงานที่อยู่ที่ป้ายได้เลย บอกว่าไปปูซาน ราคาคนละ 5100 วอน


ที่ป้ายจะมีเวลาบอกด้วยว่า รถออกกี่โมงบ้าง คันแรกจะออกเวลา 7:00 และคันสุดท้ายจะออกเวลา 21:30 (โปรดเช็คเวลาที่ป้ายอีกทีนะคะ เผื่อมีการเปลี่ยนแปลง) รถจะออกทุกๆ 15-20 นาที มินมาถึงตอน 9:13 ถ้าดูจากตารางรถ รถเวลา 9:00 ออกไปแล้ว รอบต่อไปคือ 9:30 และ 9:45 ค่ะ มินก็รอไม่นาน รถก็มาตรงเวลาตอน 9:30 พอดี เลยขึ้นคันนี้เลย


บนรถบัสก็จะมีที่นั่งประมาณนี้


ได้เวลารถออก (จอดรอแป๊บเดียว) ก็บ๊ายบายจินแฮกันค่ะ จากนี้ในอีก 1 ชั่วโมง มินกับเพื่อนก็จะไปโผล่ที่ปูซานแล้วล่ะค่ะ ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง ทิ้งท้ายด้วยวิวข้างทาง ที่มโนอีกแล้วว่า ถ้าซากุระยังไม่ร่วง มันคงสวยน่าดู


ปีนี้มินคงไม่มีโอกาสได้ไปดูซากุระที่เกาหลี แต่ปีหน้าฟ้าใหม่ มินกับเพื่อนหมายมั่นกันแล้วว่า เราสองคนจะกลับไปที่จินแฮอีกครั้ง ในช่วงที่ซากุระบานสะพรั่ง แล้วจะเก็บภาพดอกซากุระสวยๆ มาฝากกันในปีหน้า ไว้มารอดูกันนะคะ ^^


Map คลิกที่ภาพเพื่อขยาย



















6 ความคิดเห็น:

  1. รบกวนสอบถามค่ะ
    ไม่ทราบว่าถ้าต้องการใช้ KR Pass
    สามารถจอง KTX ล่วงหน้าได้มั้ยคะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ต้องไปแลกบัตร KR PASS ก่อน แล้วเวลาจะเดินทาง ถึงนำบัตรไปออกตั๋วรถไฟ KTX ค่ะ

      ลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

    ตอบลบ
  3. พี่มินคะ ถ้าเราอยากไปค้างปูซานวันนึงแล้วมาต่อที่จินแฮอีกวัน สามารถใช้ตั๋ว 2-day flexible pass ได้มั้ยคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ได้ค่ะ ตั๋วแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้วันติดกันก็ได้ หรือจะใช้ติดกันเลยก็ได้เช่นกันค่ะ

      ลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ3/2/60 11:15

    สถานีจินแฮมีที่ฝากกระเป๋าเดินทางไหมคะ

    ตอบลบ