21 มกราคม 2557

แบกเป้ท่องมาเลเซีย+สิงคโปร์ (เมืองใหม่ปุตราจายา)


เมืองปุตราจายา (Putrajaya) เป็นเมืองใหม่ของมาเลเซีย ที่รัฐบาลคาดหวังให้เป็นศูนย์กลางแห่งการบริหารในอนาคต  เกิดขึ้นจากแนวความคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่ต้องการจะเนรมิตรเมืองใหม่ขึ้นมา เมื่อปี 2538 โดยมีแผนการพัฒนา 3 ระยะ และแล้วเสร็จระยะที่ 3 ในปี 2553 นี่เองค่ะ การสร้างเมืองใหม่นี้ขึ้นมา ก็เพื่อเป็นศูนย์การบริหารและปกครอง แยกออกจากเมืองหลวงอย่างกัวลาลัมเปอร์ และต้องการแก้ไขปัญหาการจราจรในเมืองหลวงด้วย 



ปุตราจายาอยู่ห่างจากกัวลาลัมเปอร์ไปทางใต้ประมาณ 25 กม. และห่างจากสนามบิน KLIA ประมาณ 20 กม. การเดินทางไปยังปุตราจายานั้นก็ไม่ยากค่ะ เราสามารถเดินทางได้โดยรถไฟ KLIA TRANSIT โดยขึ้นได้จาก KL Sentral ที่เดิม หรือใครจะมาจากสนามบิน ก็ขึ้นรถไฟเดียวกันนี้จากสนามบินได้เลยเช่นกันค่ะ เพราะเส้นทางของ KLIA TRANSIT จะเริ่มต้นที่ KL Sentral และผ่านปุตราจายา ก่อนจะมาสุดทางที่สนามบินนั่นเอง และจากภาพจะเห็นว่าสถานีปุตราจายา (Putrajaya&Cyberjaya) นั้นอยู่สถานีที่ 3 ค่ะ


ที่ KL Sentral เราสามารถมาเข้าแถวซื้อตั๋วรถไฟ KLIA TRANSIT ได้ที่เคาน์เตอร์นี้ ซึ่งหากใครจะเดินทางไปสนามบิน ก็สามารถไปโดยรถไฟ KLIA TRANSIT และซื้อตั๋วที่นี่ได้เช่นกัน ส่วนถ้าจะไปที่เดียวกับมิน ก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าไปปุตราจายาได้เลย


 ได้ตั๋วมาแล้ว เป็นแบบไป-กลับ (Roundtrip) ราคาคนละ 20 ริงกิต


พอแตะบัตรที่ทางเข้าแล้ว ก็เดินตามป้ายลงบันไดเลื่อนนี้เพื่อไปยังชานชาลาเลยค่ะ อย่าลืมเก็บบัตรนี้ไว้สำหรับขากลับด้วยนะคะ


ลงมาถึงแล้ววววว


นั่งรอแค่ประมาณสิบนาที รถไฟก็มาแล้วค่ะ



บนรถไฟคนน้อยค่ะ เลือกที่นั่งได้สบายๆ เลย ที่นั่งจะเป็นแบบหันหน้าเข้าหากัน และแม้ว่าที่นั่งตรงข้ามเราจะไม่มีคนนั่ง ก็ไม่ควรยกเท้าขึ้นมาวางพาด หรือเอาของมาวางไว้นะคะ เขามีป้ายติดเตือนไว้แบบนี้


 ถ่ายรูปรางรถไฟมาให้ดู อิอิ


 นั่งไปแค่ประมาณ 25 นาทีเท่านั้น ก็จะถึงสถานี Putrajaya&Cyberjaya แล้วววว



จากนั้นเดินตามป้าย ขึ้นบันไดไปเลยจ้า


พยายามมองป้าย แล้วเดินไปตามทางที่บอกว่าไปท่ารถบัสนะคะ อย่างในภาพคือไปทางขวามือ



 เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ เลย ไม่ต้องกลัวหลง ไม่ต้องกลัวงง เขามีป้ายบอกตลอดชัดเจนค่ะ


ในที่สุดก็มาถึงท่ารถแล้ว ที่นี่เรียกว่า Putrajaya Sentral ค่ะ จำชื่อนี้ไว้ให้ดี เพราะขากลับเราต้องขึ้นรถบัสกลับมาที่นี่แหละค่ะ (สุดสายรถบัส)


 ถ้าจะเข้าเมืองปุตราจายาด้วยรถบัส ก็รอที่ฝั่งนี้


แต่ถ้าใครจะไปด้วยแท็กซี่ ก็ไปรอที่ฝั่งตรงข้ามค่ะ แต่มินว่า ไปบัสก็สะดวกแถมประหยัดกว่ามากๆ เลยด้วย


เราสามารถนั่งสาย 100, 101, 200, 300, 400, 500, 900 และ 901 เพื่อไปลงยัง Perdana Putra หรือทำเนียบรัฐบาลและสำนักนายกรัฐมนตรี และถึงจะเดินมายัง Masjid Putra หรือมัสยิดสีชมพูได้


ซึ่งหากนั่งสายดังกล่าวข้างบน รถจะไปจอดยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ด้านหลังของทำเนียบ และเดินพอสมควรกว่าจะไปถึงมัสยิด เจ้าหน้าที่ที่สถานีจึงแนะนำว่าให้ขึ้นสาย L11 จะจอดหน้ามัสยิดเลยค่ะ เริ่ดมาก



ขึ้นรถบัส (รถเมล์นั่นแหละ) ที่นี่ ไม่ต้องซื้อตั๋วค่ะ จ่ายเงินลงกระป๋อง (เตรียมให้พอดี เพราะไม่มีทอน) แค่นี้ก็ขึ้นมานั่งบนรถได้แล้ว ค่ารถเที่ยวละ 0.5 ริงกิต เท่านั้นเอง ถู๊กถูก


เห็นกระป๋องข้างๆ คนขับมั้ยคะ นั่นล่ะค่ะ กระป๋องหยอดตัง (เหมือนที่เกาหลีแหละ)


จะบอกว่าพอขึ้นรถปุ๊บ คนขับก็ออกรถเลยค่ะ และบนรถนั้นมีมินกับเพื่อนแค่สองคน 55555



ข้อห้ามบนรถค่ะ ดูกระจกสิคะฝ้าขึ้นเลย แอร์บนรถเย็นมากกกก


รถเมล์ที่นี่เขาก็มีกริ่งให้กดหน้าตาเหมือนบ้านเราเลยค่ะ มีติดไว้ทั้งริมหน้าต่าง และเสาตรงประตูทางลงด้วย



เก็บภาพบนท้องถนน และวิวระหว่างทางมาฝากกัน








มาแอบดูรถที่คนมาเลย์ขับกัน



นั่งมาเรื่อยๆ ประมาณสิบนาที ก็จะเริ่มเข้าสู่ตัวเมืองปุตราจายา สังเกตว่าจะเริ่มเห็นตึกที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามหลายๆ แบบ ซึ่งตึกเหล่านี้คือสถานที่หน่วยงานราชการของมาเลเซียค่ะ ซึ่งถือว่าตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่สุดภายในเมืองปุตราจายา หน่วยงานราชการนั้นจะเต็มไปด้วยตึกที่เรียกว่า Smart Building ซึ่งเพียบพร้อมด้วยระบบการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ สาธารณูปโภค และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทันสมัยที่สุด 









และเลยมาอีกนิดเดียวก็จะถึงมัสยิดสีชมพู สถานที่ที่มินตั้งใจจะมาแล้วล่ะค่ะ รถจะจอดที่บริเวณวงเวียนนี้ค่ะ ซึ่งอยู่หน้ามัสยิดเลย



จากตรงนี้ก็จะมองเห็นวิวสะพานเสรีวาวาซาน (Seri Wawasan Bridge) ไกลๆ สะพานนี้เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของที่นี่ แต่มินไม่ได้เดินไปถึงตรงนั้นหรอกนะคะ เพราะกว่าจะมาถึงก็บ่ายคล้อยแล้ว เวลามีน้อย แถมอากาศวันนั้นไม่เป็นใจด้วย ขมุกขมัวเหมือนฝนจะตก ฟ้ามัวๆ ครึ้มๆ ตลอดเลย รูปเลยออกมาเป็นเช่นนี้แทบทุกภาพ >.<



อันนี้บริเวณรอบๆ มัสยิดค่ะ





ถ่ายรูปรถยนต์ยี่ห้อโปรตอน (Proton) รถยนต์ที่ผลิตในประเทศมาเลเซียมาให้ดู คนมาเลย์เองก็ขับยี่ห้อนี้กันทั้งเมืองเลยค่ะ ก็แหงล่ะ รถยนต์ของตัวเองนี่เนอะ


แอบถ่ายน้องเหมียวมาเลย์มาด้วย อิอิ


จากตรงนี้มองไปก็จะเห็นมัสยิดเลยล่ะ ดูท้องฟ้าสิคะ จะรอดมั้ยเนี่ยยยย


มินไม่รอช้า ก่อนฝนจะเทลงมา (กลัวไว้ก่อน) ก็รีบเดินไปยังมัสยิดเลยล่ะค่ะ เพื่อที่จะเข้าไปดูข้างใน เห็นเขาว่าสวยงามมากมาย


แต่พอมาถึงก็พบว่า เจ้าหน้าที่ห้ามนักท่องเที่ยวเข้า เนื่องจากวันนั้นเขากำลังทำพิธีถือศีลอด หรือรอมฎอนกันอยู่ เสียใจอ่ะ มาเสียเที่ยววววววว TT_TT เลยถ่ายรูปจากข้างหน้าแทน เห็นโดมแค่นี้เอง


เขยิบมาอีกนิดดีกว่า


สำหรับใครที่สนใจเข้าไปชมในมัสยิดนั้น สามารถเข้าชมได้ตามเวลานี้เลยค่ะ ซึ่งจะเปิดเป็นรอบๆ
วันเสาร์-วันพฤหัสบดี เวลา 9:00-12:30 / 14:00-16:00  / 17:30-18:00
วันศุกร์ 15:00-16:00 / 17:30-18:00

การแต่งกายนั้น ผู้ชายต้องสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงยาว ส่วนผู้หญิงสวมกางเกงขายาว และจะมีเสื้อคลุมให้สวมทับด้วย ซึ่งจะมีอยู่ที่บริเวณทางเข้าค่ะ


หลังจากเฟลที่ไม่ได้เข้าไปชมความสวยงามด้านในนั้น มินก็เลยเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มองไปใกล้ๆ กัน เป็น Perdana Putra (ทำเนียบรัฐบาลและสำนักนายกรัฐมนตรี) เดินไปดูกันดีกว่า


พอมาเห็นใกล้ๆ สวยทีเดียวเชียวล่ะ เสียดายที่ฟ้าขมุกขมัว ภาพเลยขมุกขมัวตาม สีสันของสถานที่จริง สวยงามกว่านี้มากค่ะ บอกเลย ทำเนียบรัฐบาลและสำนักนายกรัฐมนตรีนี้นั้น ตั้งอยู่ตรงจุดที่สูงที่สุด ซึ่งสามารถมองลงมาเห็นบริเวณด้านล่างทั้งหมด รวมถึงทัศนียภาพของทะเลสาบปุตราจายาอีกด้วย 


เข้าไปใกล้อีกนิด ชิดๆ เข้ามาอีกหน่อย เชิ้บๆ มุมนี้สีสันของใบไม้สวยมาก เลยมานั่งถ่ายรูปกัน ในรูปเป็นคุณเพื่อนคู่หูคู่เที่ยวของมินเองค่ะ ไปด้วยกันทุกทริป รวมถึงเกาหลีด้วย (หรือบิ๋ม ในหนังสือเล็ตซึโก...โคเรีย นั่นเอง อิอิ)



ถ่ายรูปกันสักพัก มินก็ชวนเพื่อนเดินเล่นบริเวณใกล้เคียง จนสังเกตเห็นว่ามันมีบันไดลงไปทะเลสาบด้านล่าง ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ขุดโดยมนุษย์นี่ล่ะค่ะ และมีสนามหญ้ากว้างๆ อยู่ด้านหลังมัสยิด แน่นอนว่า เราต้องเดินลงไปสำรวจกัน พอลงมาเท่านั้นแหละ ฟินเลยยยย บริเวณนี้น่านั่งเล่นมากๆ เลยค่ะ





คุณเพื่อนไม่รอกันเลยค่ะ พอเห็นทะเลสาบ รีบวิ่งไปนั่งเล่นมิวสิควิดีโอเลยอ่ะ 55555


บรรยากาศดีมากค่ะ วันนั้นอากาศร้อนมากกกกกกกกกก เพราะฝนทำท่าจะตก (แต่ไม่ตก) ด้วย ร้อนอบอ้าวสุดๆ แถมรู้สึกด้วยว่าที่เมืองนี้อากาศร้อนกว่ากัวลาลัมเปอร์ค่ะ แต่ริมทะเลสาบ อากาศดี ลมพัดเย็นสบายยยย เวลาเกือบๆ สี่โมงเย็นเห็นจะได้ เราสองคนนั่งกินลมชมวิวกันเพลินเลย


จากมุมนี้ทำให้เราได้เห็นมัสยิดสีชมพู (กุหลาบ) อย่างชัดเจน แม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปยังด้านใน ได้เห็นหลังคามัสยิดก็ยังดี เอ๊ะยังไง 55555



นั่งเล่นเม้ามอยกันไป มองทะเลสาบไป กล่อมด้วยเสียงละหมาดที่ดังสลับกันมาเป็นระยะ ได้อรรถรสทีเดียว หุหุ มัสยิดปุตราจายานั้น มินขอใช้คำว่า "งดงาม" เพราะที่นี่งดงามมากเหนือคำบรรยายจริงๆ ค่ะ แต่ภาพที่ถ่ายออกมา สีสันไม่สวยสดเท่าสถานที่จริง แต่รับรองว่าถ้าได้มาเห็น จะตื่นตะลึงไปกับความสวยงามของศาสนสถานแห่งนี้อย่างแน่นอน


นั่งอยู่พักนึง ก็ชวนกันกลับค่ะ ใจจริงยังอยากไปเดินเล่นแถวสะพานเสรีวาวาซาน แต่ด้วยอากาศที่ไม่เป็นใจจริงๆ กลัวว่าฝนจะตกแล้วจะกลับลำบาก ก็เลยตัดสินใจกันว่าเรากลับกันดีกว่า ไว้มีโอกาสครั้งหน้าค่อยมากันใหม่ เพราะเราสองคนรู้สึกชอบบรรยากาศของเมืองปุตราจายามาก มากกว่ากัวลาลัมเปอร์เสียอีกค่ะ

บันไดนี้ล่ะ ที่มินเดินลงมายังทะเลสาบ

เดินออกมายังวงเวียนตรงที่รถจอดตอนมาถึง ก็เจอกับเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันแจกอาหารสำหรับผู้ที่มาร่วมพิธี แถมยังกวักมือเรียกมินกับเพื่อนให้ไปรับอาหารด้วยแหน่ะ คงเพราะคิดว่าเราสองคนเป็นคนบ้านเขาแน่ๆ ก็หน้าตาทั้งมินและเพื่อน ไม่มีใครเหมือนคนไทยสักเท่าไหร่ หน้าตาออกไปทางแขกๆ ด้วยกันทั้งคู่เลย คุณเพื่อนเป็นสาวใต้ ส่วนมินคนกรุงเทพนี่แหละ แต่ไหงหน้าเหมือนแขก อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน >.<


ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ ก็หันไปถ่ายภาพนี้เอาไว้ มองมุมนี้เมืองนี้ก็ดูสวยงามและเป็นระเบียบดี


แม้ว่าขามา รถสาย L11 จะพาเรามาจอดยังหน้ามัสยิด แต่ขากลับเราต้องเดินไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ด้านหลังทำเนียบรัฐบาลค่ะ โดยเดินไปทางด้านขวาของทำเนียบเลาะไปเรื่อยๆ เลย




เดินมาเรื่อยๆ จะผ่านสวนสาธารณะ เดินเลยไปอีกไม่ไกล ก็จะเห็นศาลาไกลๆ นั่นล่ะค่ะ ป้ายรถเมล์ของเรา



ถึงป้ายรถเมล์แล้ว


รถจะมาทางฝั่งขวามือนี้ค่ะ


และที่ป้ายรถเมล์ก็จะมีป้ายอัตโนมัติบอกสายรถเมล์และเวลาที่รถจะมาถึง ซึ่งเวลาตรงมากเลยล่ะค่ะ สายรถเมล์ที่เราจะนั่งกลับไปยัง Putrajaya Sentral  ก็คือ L01, L02, L05, L07  ซึ่งมินได้ขึ้นสาย L01 เพราะว่ามาถึงก่อนนั่นเอง ค่ารถขากลับก็เท่ากันคือคนละ 0.5 ริงกิต


รถมาแล้ว รีบขึ้นรถกันดีกว่า ลาก่อนปุตราจายา


ขากลับรถจะไม่ได้วิ่งกลับทางเดิม แต่จะวิ่งผ่านตัวเมืองด้านใน ที่เป็นโซนของอาคารบ้านเรือนต่างๆ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของข้าราชการและพนักงาน ก็เลยเก็บภาพบรรยากาศตึกรามบ้านช่องของคนในเมืองปุตราจายามาฝากกัน









เนื่องจากว่าระหว่างทางรถได้จอดรับส่งคนตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ ตลอดเส้นทาง และระยะทางจะไกลกว่าขามา ทำให้ขากลับเราใช้เวลาเดินทางนานกว่าขามา คือประมาณ 45 นาทีเลยล่ะค่ะ พอมาถึง Putrajaya Sentral แล้ว ก็เดินไปยังชานชาลารถไฟเพื่อกลับไปยัง KL Sentral ที่เดียวกับตอนขามานั่นเอง เรียกได้ว่า มาทางไหน กลับทางนั้น โดยเราต้องนั่งย้อนกลับไปทาง Bandar Tasik Selatan สถานีนี้จะอยู่ก่อนถึง KL Sentral หนึ่งสถานีนั่นเอง


ยืนรอรถไฟคนละฝั่งกับขามา ขากลับก็ใช้เวลาเท่ากับขามาค่ะ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว 


อยากมาสัมผัสเมืองใหม่ที่ให้อารมณ์แตกต่างจากกัวลาลัมเปอร์ ลองมากันดูนะคะ มินกับเพื่อนตั้งใจว่า ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาที่นี่กันอีก เพราะยังมีอีกหลายมุมให้เราสองคนกลับมาสำรวจกันอีกครั้ง 

แบกเป้ท่องมาเลเซียยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีอีกหลายสถานที่ที่มินจะพาไปเที่ยว ไว้ติดตามกันต่อไปนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น