22 สิงหาคม 2556

แบกเป้ท่องมาเลเซีย+สิงคโปร์ (ชมวิวบน Sky Bridge)


จากครั้งก่อนที่พาไปชมความสวยงามของตึกแฝดเปโตรนาสยามค่ำคืนกันไปแล้วนั้น ยังคงมีอีกหนึ่งวิวที่มินจะพาไปชม นั่นก็คือ วิวบนสะพานเชื่อมตึก หรือที่เรียกว่า Sky Bridge นั่นเองค่ะ



สะพานเชื่อมตึกทั้งสองนี้ อยู่ที่ชั้น 41 และ 42 ค่ะ การที่จะขึ้นไปบนนั้นได้ จะต้อง "เสียค่าเข้า" เมื่อหลายปีก่อนได้มีการเปิดให้ขึ้นชมวิวฟรีด้วย แต่ปัจจุบันนี้ เรียกเก็บเงินแล้ว และที่ล่าสุดไปกว่านั้น "ขึ้นราคา" แล้วด้วยค่ะ จาก 50 ริงกิต เป็น 80 ริงกิต แต่เป็นการเหมาจ่าย เพราะเมื่อก่อนจะให้เลือกว่าจะขึ้นมาชมวิวแค่ที่ชั้น 41 หรือจะขึ้นไปชมวิวชั้นบนสุดของตึกที่ชั้น 86 ด้วย สำหรับราคา 80 ริงกิตในปัจจุบัน จึงเป็นราคาที่รวมแพ็คเกจชมวิวทั้งสองชั้นไว้ให้เราเรียบร้อยแล้วค่ะ แบบไม่มีสิทธิ์เลือก

มองขึ้นไปบนตึกสูงๆๆๆๆ จะเห็นสะพานเชื่อมตึกทั้งสองตึกอยู่ ตรงจุดนั้นล่ะค่ะ ที่มินจะพาขึ้นไป ^^



การจะมาชมวิวที่นี่ได้นั้น หากจะมาให้ทันในแต่ละวัน ควรมาเช้าๆ นะคะ เพราะว่าที่นี่จะเปิดให้ขึ้นชมเป็นรอบๆ วันนึงจำกัดคนเข้าชมแค่เพียง 1400 คนเท่านั้น ตอนที่มินไป ไปสายค่ะ เกินลิมิตของวันนั้นแล้ว จึงทำได้แค่ "จองตั๋วไว้ก่อน" แล้วเลือกรอบที่เราจะมาชมในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะกลับมาที่นี่อีกทีในวันต่อไปค่ะ ถ้าใครมาไม่ทันแบบมิน ก็ทำแบบนี้ได้ แต่ถ้าใครมีเวลาเที่ยวจำกัด อาจจะต้องรีบมาให้เร็วหน่อย กันพลาดนะคะ

วิธีการเดินทางมาที่นี่ ก็ไม่ยากค่ะ มินเคยเขียนไว้แล้วในตอนที่แล้ว อ่านได้ที่นี่ เพียงแต่ครั้งนี้มินเลือกที่จะเดินเข้าไปในตัวห้างซูเรียเลย เพราะว่าเคาน์เตอร์ขายตั๋ว และจุดที่จะขึ้นไปชมวิวนั้น อยู่ในส่วนของห้างค่ะ

พอออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน มินก็เดินมาทางที่จะเข้ามายังตัวห้าง ซึ่งเจอภาพที่กำแพงสองฝั่งติดไว้เก๋ๆ เป็นภาพโฆษณาของร้าน KFC นั่นเอง แม้จะอ่านไม่ออกเพราะเป็นภาษามาเลย์ แต่ดูภาพก็พอเข้าใจเนื้อหาได้ ประมาณว่านั่งทำงานทั้งเบื่อ ทั้งง่วง แต่พอถึงตอนเที่ยงก็ดีใจ เพราะอยากจะรีบไปกิน KFC ประมาณนี้ ก็น่ารักดีค่ะ



เดินผ่านทางเชื่อมนี้เข้าไปในตัวห้าง ก็จะเจอเข้ากับร้านโรตีบอย (Rotiboy) ในตำนาน ก่อนเลยค่ะ มินไม่แน่ใจว่าน้องๆ รุ่นหลังๆ จะรู้จักมั้ย แต่คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับมิน จะต้องรู้จักแน่ๆ เพราะร้านขนมปังหรือบัน นี้นั้น เคยดังมากๆ ในไทย จนคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อซื้อ เหมือนคริสปี้ครีมในช่วงแรกๆ นั่นล่ะค่ะ ไว้เอนทรี่หน้า จะมาเขียนลงลึกรายละเอียดของร้านโรตีบอยให้อ่านกันค่ะ



เดินผ่านร้านโรตีบอยไป จะเจอกับร้านขายน้ำผลไม้ร้านนี้ มินเลยแวะชิมสักหน่อย บอกเลยว่า อร่อยและชื่นใจมากๆ ค่ะ ผลไม้นั้นสดดีจริงๆ แถมนำมาปั่นก็ไม่ผสมน้ำเชื่อมอะไรลงไปด้วยนะคะ เรียกว่าเพียวๆ เลยทีเดียว


มินสั่ง Berry Burst ค่ะมันคือ  Mixed Berry นั่นเอง เพราะอยากดื่มอะไรที่อมเปรี้ยวอมหวานสักหน่อย ราคาโหดนิดนึงคือ 11.6 ริงกิต แต่ถ้าเทียบกับขนาดแก้วแล้วนั้น มินว่าคุ้มมากๆ ไปลองทานกันดูนะคะ


ภายในห้างซูเรียช่วงนั้น เหมือนจะมีงานเทศกาลอะไรสักอย่าง เพราะมีการตกแต่งสวยงาม มีการออกบูธเล็กๆ ด้วย แต่ไม่ทันแวะดู เพราะวันนั้นมาถึงก็ปาไป 11 โมงแล้ว เลยจะรีบไปซื้อตั๋วค่ะ กลัวไม่ทันชมวันนี้ (แล้วก็ไม่ทันจริงๆ >.<) ที่เห็นเหมือนหอคอยด้านหลังนั้น มันคือลิฟต์แก้วค่ะ ซึ่งห้างนี้มีด้วยกันทั้งหมด 5 ชั้น ไม่รวมชั้นใต้ดิน



แต่จุดมุ่งหมายของเรานั้น อยู่ที่ชั้นใต้ดินค่ะ ซึ่งห้างที่นี่จะนับแปลกๆ ค่ะ ชั้นแรกที่เราเดินเข้ามา มันจะเป็นชั้น G ไม่ใช่ชั้น 1 ก็ให้เดินไปทางร้าน  GUCCI นะคะ แล้วลงบันไดเลื่อนลงไปยังชั้นล่างค่ะ



เดินลงมา 1 ชั้นนะคะ แล้วก็เดินตามทางไปแบบนี้


เดินมานิดนึงจะเห็นว่าทางขวามือที่ทางเลี้ยวไปแบบนี้ค่ะ ก็เลี้ยวไปเลย ซึ่งถ้าเดินตรงไป มันจะเป็นประตูห้างที่ออกไปด้านหลังตรงสวนสาธารณะ ที่มีบ่อน้ำพุนั่นเอง


พอเลี้ยวมาแล้วจะเป็นแบบนี้ค่ะ เห็นประตูทางขวามือมั้ยคะ? นั่นล่ะค่ะ เดินเข้าไปทางนั้นเลย 


สังเกตว่าจะมีป้ายบอกเราอยู่แบบนี้นะคะ ถ้าจะไป Twin Tower ก็เดินลงไปเลยจ้า


โผล่ประตูมาจะเป็นบันไดเลื่อนลงไปค่ะ


มีป้ายบอกย้ำกันอีกครั้งค่ะ ว่ามาไม่ผิด


ลงมาถึงแล้ว ถ้าเจอแบบนี้ก็แปลว่ามาถูกแล้วจ้าาา


วันและเวลาเปิดปิด รวมไปถึงอัตราค่าเข้าค่ะ ที่นี่ ปิดทุกวันจันทร์ นะคะ


จากนั้นให้เดินไปทางซ้ายมือนะคะ เพื่อไปยังเคาน์เตอร์ขายตั๋ว แต่หากว่ามีตั๋วในมือแล้ว ให้ไปทางขวามือค่ะ นี่คือบริเวณเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วค่ะ




มาต่อคิวที่ตรงนี้เลยจ้าาา



อย่างที่บอกแต่ต้นว่า มินมาถึงไม่ทันรอบของวันนี้ จึงเลือกที่จะซื้อตั๋วไว้สำหรับรอบวันพรุ่งนี้แทนค่ะ เจ้าหน้าที่ก็เอาใบตารางเวลามาให้มินดู เพื่อให้เราเลือกว่า พรุ่งนี้เราจะมาขึ้นไปรอบไหน ต้องระบุจองวันเวลาเอาไว้เลย และที่นี่สามารถขึ้นชมในเวลากลางคืนได้เช่นกัน มีรอบตั้งแต่เวลา 9:00-20:15 ค่ะ  มินกับเพื่อนอยากชมวิวตอนกลางวันเลยเลือกรอบ 11:00 เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องตื่นกันเช้ามากนัก จะได้นอนพักสบายๆ ไม่รีบจนเกินไปค่ะ


ได้ตั๋วมาแล้ว เขาจะสอบถามเราด้วยว่าเรามาจากประเทศอะไร คงเก็บเป็นสถิติน่ะค่ะ วันนั้นที่ไปไม่เจอคนไทยเลย เจอแต่ฝรั่งมังคาแทบทั้งสิ้น >.<


ความจริงแล้ววันนั้นมินไปเที่ยวที่อื่นต่อค่ะ เพราะไหนๆ ก็มาไม่ทันแล้ว แต่ว่าในเอนทรี่นี้ มินจะพาข้ามเวลาไปวันรุ่งขึ้นเลยนะคะ มินกับเพื่อนกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลา 10 โมงครึ่งค่ะ มีตั๋วในมือแล้ว ก็เลยเดินไปทางขวามือเพื่อไปเข้าแถวแบบนี้ได้เลยค่ะ


ข้างๆ กันจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ที่รอดูดเงินในกระเป๋าเราด้วยของมากมาย และภาพตัวเราเองที่เขาจะถ่ายเอาไว้ก่อนขึ้นไปข้างบนค่ะ แน่นอนว่า มินกับเพื่อนไม่รอดค่ะ 55555 ก็นะ ที่ระลึกอ่ะเนอะ (ปลอบใจตัวเอง)


ก่อนจะขึ้นไปข้างบนได้นั้น ดูข้อห้ามของที่นี่กันก่อนค่ะ


เจ้าหน้าที่จะมาเดินดูตั๋วของเรา แล้วให้แท็กไว้คนละหนึ่งอัน ซึ่งถ้าอยู่ในรอบเดียวกันก็จะได้สายคล้องเป็นสีเดียวกันด้วย เพื่อที่ว่าไกด์ที่พาเราชมนั้น จะได้เรียกได้ถูกคนเมื่อหมดเวลาค่ะ เพราะในรอบๆ นึงนั้น จะแบ่งเป็นหลายกลุ่มค่ะ กลุ่มละประมาณ 15-20 คน (กะเอาค่ะ ไม่ทันได้นับ) ของมินได้สายสีแดงค่ะ หน้าตาของแท็กเป็นแบบนี้


จากนั้นพอผ่านทางเข้ามาแล้ว ก็จะโดนถ่ายภาพกันค่ะ เป็นไฟลท์บังคับที่เลี่ยงไม่ได้ (แต่เลี่ยงไม่ซื้อภาพตัวเองได้ค่ะ) พอถ่ายเสร็จจะได้กระดาษมาแบบนี้ มีหมายเลขของภาพเราค่ะ เอาไว้เผื่อขากลับลงมา อยากจะซื้อกลับไป ก็นำไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ร้านขายของที่ระลึกได้เลย จากนั้นก็มารอจนถึงเวลาตามรอบที่จองไว้




พอได้เวลา จะมีเจ้าหน้าที่มาเปิด VTR ให้ดูที่บนจอ เกี่ยวกับกฏระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ก่อนจะนำพาเราขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 41 จุดมุ่งหมายของเราค่ะ ถึงแล้ววว


ไกด์จะอธิบายประวัติและความเป็นมาของตึกนี้ให้เราฟังค่ะ ตั้งแต่การเริ่มสร้างเลยทีเดียว ซึ่งทันได้ยินแว่วๆ ว่าบริษัทซัมซุงของเกาหลีนั้น เป็นหนึ่งในทีมที่สร้างตึกนี้ด้วยล่ะค่ะ อ่านประวัติความเป็นมาได้ที่นี่


เพื่อนร่วมคณะค่ะ ซึ่งถ้ามองไปตรงกลางภาพ จะเห็นชายใส่แว่นถือกล้องวิดีโออยู่ เป็นชาวเกาหลีค่ะ เพราะพอได้ยินว่าบริษัทซัมซุงมีส่วนร่วมในการสร้าง ตาคนนี้ก็สนอกสนใจกระตือรือร้นถามไกด์ใหญ่เลย


จากนั้นไกด์ก็จะปล่อยให้เราเดินชมวิวกันตามอัธยาศัย และคล้อยหลังกลุ่มของมินไม่นาน ก็มีอีกกลุ่มนึงที่ห้อยแท็กสีน้ำเงินตามขึ้นมาสมทบ


เราไปชมวิวจากบนสะพานชั้น 41 นี้กันเลยดีกว่าค่ะ มุมนี้มองลงไปด้านล่างก็คือสวนหลังห้าง ที่มินมานั่งชมตึกเปโตรนาสตอนกลางคืนนั่นเอง



มาดูวิวอีกฝั่งนึงกันบ้างค่ะ มองลงไปจะเห็นถนน สวยดีเหมือนกัน




ที่ชั้น Sky Bridge นั้น เขาจะให้เวลาในการชมประมาณ 15 นาทีค่ะ พอหมดเวลา ไกด์ก็จะมาเชิญพวกเราไปยังลิฟต์ เพื่อขึ้นไปดูวิวบนชั้น 86 กัน ซึ่งตึกเปรโตนาสนั้นจะมีทั้งหมด 88 ชั้น ที่ชั้นนี้เราจะเห็นวิวของเมือง KL แบบ 360 องศาเลยทีเดียว 


เข้ามาด้านในก็จะเป็นห้องโถง ที่มีอะไรให้เราเดินชมได้เพลินๆ ค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเปนโมเดลของตึกเปโตรนาส และเมือง KL 




ส่วนมินกับเพื่อนก็มายืนเล่นกันตรงนี้ค่ะ อิอิ


ที่มาเลเซียเขากำลังมีเมกะโปรเจ็ค เพื่อการพัฒนาประเทศ ในการสร้างสิ่งต่างๆ ที่เขาเคลมไว้ว่าจะเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกสู่สายตาชาวโลกในปี 2020 ซึ่งถ้าใครไปเที่ยวมาเลเซีย โดยเฉพาะที่ KL ในช่วงหลังจากปีนี้ไป จะเห็นการก่อสร้างเยอะมาก เรียกได้ว่าแทบจะทั่วทั้งเมืองเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นในปี 2020 มินอาจจะกลับไปที่นี่อีกครั้ง เพื่อไปดูความเจริญและความสวยงามของ KL ในอนาคตค่ะ 


ไปชมวิวกันบ้างดีกว่า มองจากบนยอดตึกนี้ลงไป จะเห็น KL ได้กว้างสุดๆ ทั่วทั้งเมืองเลยล่ะ






มาดูอีกมุมกันบ้าง



และจากชั้นนี้ เราก็จะมองเห็นยอดตึกเปโตรนาสได้ใกล้ๆ อีกด้วย และเลยไปด้านหลังก็จะเห็น KL Tower เช่นกัน


หรือใครจะมาส่องกล้องดูก็ได้นะคะ ดูได้ฟรี ไม่ต้องหยอดเหรียญอะไรอีกแบบที่เกาหลีค่ะ อิอิ วันนั้นท้องฟ้าไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ ค่อนข้างขะมุกขมัวนิดหน่อยค่ะ เพราะว่าระหว่างที่อยู่มาเลเซียนั้น มินเจอฝนตกพรำๆ เกือบทุกวันเลย อากาศที่มาเลเซียจะคล้ายๆ ภาคใต้บ้านเราค่ะ 


พอครบเวลา ก็ได้เวลากลับลงไปด้านล่างแล้วล่ะค่ะ ถ้านับเวลาทั้งหมดในการขึ้นมาชมวิวทั้งสองชั้นนั้น มินเลือกรอบ 11:00 แต่ว่าได้ขึ้นมาถึงตรง Sky Bridge ประมาณ 11:20 และกลับลงไปยังชั้นล่างประมาณ 12:00 รวมเวลาทั้งหมดแล้วก็ประมาณ 40 นาทีนั่นเอง

ถ้าถามว่าคุ้มมั้ยกับค่าเข้าประมาณ 800 บาท มินว่าก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะคะ ส่วนตัวมินเป็นคนชอบดูวิวสวยๆ จากด้านบนแบบนี้ เลยคิดว่านี่คือ "ครั้งหนึ่งในชีวิต" ที่จะได้ขึ้นมายังตึกเปโตรนาส  ตึกที่ดังระดับโลก และเป็นอาคารแฝดที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย ก็เลยคิดว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปค่ะ เพราะจะมีสักกี่คนบนโลก ที่ได้ขึ้นไปยังสะพานเชื่อม Sky Bridge จริงมั้ยคะ ^^



และในห้างซูเรียนั้น ยังมีร้านอาหารร้านนึงที่ "อร่อยมากๆ" อีกด้วย ก่อนจะไปเที่ยวต่อที่อื่น มินก็ได้แวะทานที่ร้านนี้กัน ไว้มาตามชมรีวิวร้านอาหารที่ชื่อว่า miss kwan's กันในครั้งต่อไปค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น