28 กรกฎาคม 2556

แบกเป้ท่องมาเลเซีย+สิงคโปร์ (การใช้บริการ LRT และ MR ในมาเลเซีย)




ประเทศมาเลเซียนั้น มีบริการขนส่งสาธารณะด้วยกันหลายช่องทางค่ะ เรียกได้ว่าเดินทางสะดวก ไม่ลำบากมากนัก เพราะครอบคลุมทั้งเมือง KL ด้วยบริการ Rapid KL ที่มีทั้งรถไฟ LRT และ รถไฟรางเดี่ยวที่เรียกว่าโมโนเรล รวมถึงรถเมล์หรือ BUS ที่มีไว้ให้บริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งบริการหลักๆ ที่มินจะใช้บริการบ่อยๆ เลยก็มีอยู่ 2 บริการค่ะ คือ LRT และ MR หรือโมโนเรลนั่นเอง

เริ่มกันที่ รถไฟ LRT (Light Rail Transit) มีด้วยกัน 2 สายคือ AMPANG LINE (สายสีเหลือง) และ KELANA JAYA LINE (สายสีแดง) 


AMPANG LINE (สายสีเหลือง) มีด้วยกัน 25 สถานี เส้นทางตามด้านล่างค่ะ บางสถานีจะเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังสายสีแดง และ MONIRAIL LINE สายสีเขียวได้อีกด้วย ซึ่งเส้นทางเหล่านี้จะเป็นเส้นทางหลักที่เราจะใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ใน KL ที่จะมาพูดถึงกันในเอนทรี่นี้ค่ะ


คลิกที่ภาพเพื่อขยาย

เวลาเดินรถ ของสายนี้นั้น วันจันทร์-เสาร์ เริ่มที่ 6:00 ไปจนถึงประมาณ 23:30  (บางสถานีจะเปิดให้บริการถึง 24:00) ส่วนในวันอาทิตย์เปิด 6:00 เช่นกัน แต่จะปิดก่อนประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ


ส่วน  KELANA JAYA LINE (สายสีแดง) สายนี้นั้น เราอาจจะได้ทำความคุ้นเคยกับมันมากหน่อย เพราะส่วนใหญ่แล้วมักจะได้ใช้บริการสายนี้มากกว่าสายสีเหลืองค่ะ สายนี้มีจุดจอดทั้งสิ้น 24 สถานี โดยมีสถานีหลักเลยก็คือ สถานี KL Sentral ที่เรานั่งรถบัสจากสนามบินเข้าเมือง ก็จะมาจอดที่นี่ และสามารถต่อสายสีแดงนี้ เพื่อไปยังที่พักย่านอื่นๆ หรือ ต่อ MONIRAIL LINE สายสีเขียว เช่นเดียวกันค่ะ อย่างถ้าใครพักย่านบูกิต บินตังอย่างมิน ก็ต้องเดินออกจากสถานี KL Sentral เพื่อไปยังสถานีโมโนเรล แล้วถึงนั่ง MONIRAIL LINE ไปยังบูกิตบินตังได้ เพราะย่านบูกิตจะมีแค่โมโนเรลเท่านั้นนี่ผ่านค่ะ ไม่งงเนอะ

คลิกที่ภาพเพื่อขยาย

เวลาเดินรถ สายนี้ จะคล้ายกับสายสีเหลือง คือ วันจันทร์-เสาร์ เริ่มที่ 6:00 ไปจนถึงประมาณ 23:40 ค่ะ (บางสถานีจะเปิดให้บริการถึง 24:00) วันอาทิตย์ปิดก่อนประมาณครึ่งชั่วโมงเช่นกัน

ค่าบริการ ทั้งสองสายจะเริ่มต้นที่ 0.70 ริงกิต (หรือ 70 เซน ประมาณ 7 บาท) ถูกมากทีเดียว มินนั่งไปใกล้ๆ แค่สองสามสถานี ก็สิบกว่าบาทเท่านั้น หรือจะเช็คค่าบริการอย่างละเอียด ได้ที่นี่ โดยเลือกจากสถานีต้นทาง และปลายทาง ได้เลยค่ะ

จากนั้นมองหาทางเข้าสถานี จะมีป้ายบอกชื่อสถานีไว้ หาไม่ยาก ก็เดินลงบันไดเลื่อนเข้าไปในสถานี LRT แบบนี้เลยค่ะ 


และสำหรับใครที่เคยชินกับประเทศเกาหลี ที่ขึ้นบันไดเลื่อนแล้วชิดขวานั้น ถ้ามาเที่ยวที่มาเลเซีย (รวมถึงสิงคโปร์) ให้ปรับตัวใหม่นะคะ เพราะว่าสองประเทศนี้ เขา Keep Left ชิดซ้ายจ้า ซึ่งโดยมารยาทนั้น หากเดินทางไปประเทศไหนๆ ควรเรียนรู้เรื่องนี้เอาไว้บ้างก็ดีนะคะ เพราะคนประเทศอื่นๆ เขาค่อนข้างรีบ ไม่เอื่อย เฉื่อย แบบพี่ไทย เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่รีบก็ควรยืนชิดให้ถูกฝั่ง เพื่อที่คนที่เขามีธุระต้องรีบไป จะได้ไม่เสียเวลาเพราะมาติดที่เราไปยืนจังก้าอยู่กลางบันไดนะคะ (ใครอยู่ประเทศไทยแล้วทำแบบนี้ ก็เลิกซะนะคะ! ประเทศไทยเราขึ้นลงชิดขวา จำไว้นะจ้ะ)


การซื้อตั๋วเดินทางแบบเที่ยวเดียวนั้น ก็ไม่ยากค่ะ เหมือนซื้อตั๋วรถไฟฟ้า BTS รึ รถไฟใต้ดิน MRT บ้านเราน่ะแหละ (มีภาษาอังกฤษให้เลือก) แค่เลือกสถานีปลายทางที่เราจะไป จำนวนคน และก็หยอดเงิน (รับทั้งธนบัตรและเหรียญ แต่ทอนเงินเป็นเหรียญ) จากนั้นก็จะได้รับเหรียญสีน้ำเงินๆ แบบนี้มาค่ะ พอจะใช้บริการก็แค่แตะที่ตัวเซ็นเซอร์ก่อนเดินเข้าสถานี ประตูกั้นก็จะเปิด เดินเข้าไปได้เลย เหมือนบ้านเราเลย ง๊ายง่าย พอตอนจะออกก็หยอดเหรียญคืนแค่นี้เอง


หรือใครจะซื้อแบบบัตรเดินทางก็ได้นะคะ ที่นี่เขาก็มีเช่นกัน เรียกว่า My Rapid Card แม้ที่หน้าบัตรจะมีรูปรถบัสก็ตาม แต่ในความเป็นจริงจะใช้บริการได้แค่ LRT กับ Monorail เท่านั้น ซึ่งใครจะลองซื้อมาใช้ดูก็ได้นะคะ เพราะปกติการเดินทางใน KL นั้น ก็แทบจะไม่ได้ใช้บริการรถบัสเลย แต่ที่มินไม่ซื้อ เพราะเห็นว่าการซื้อตั๋วเที่ยวเดียวนั้น ก็สะดวกดีค่ะ ตู้มีเยอะ และคนก็ไม่ได้ต่อคิวเยอะจนเสียเวลาด้วยค่ะ แต่ถ้าใครสนใจซื้อเป็นบัตรนี้ไว้ ก็ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่  รู้สึกว่าจะหาซื้อได้ตามสถานีรถไฟทุกสถานี (ซื้อกับจนท.ที่เคาน์เตอร์) ส่วนเวลาเติมเงินนั้น ขั้นต่ำคือ 10 ริงกิตค่ะ เติมได้เองที่ตู้อัตโนมัติภายในสถานีเช่นกัน

My Rapid Card

ในสถานีก็จะมีรถไฟวิ่งสวนกันสองขบวนเช่นกันกับทุกๆ ประเทศค่ะ เพราะฉะนั้น ก่อนจะขึ้น ตั้งสติให้ดีก่อนว่า เราจะไปไหน และต้องขึ้นที่ Platform 1 หรือ 2 นะคะ เพราะถ้าขึ้นผิดขบวน ก็ต้องเสียเวลานั่งย้อนกลับมาอีก (เปลืองตังอีกตะหาก) ในสถานีทุกสถานี จะมีป้ายแบบนี้ตั้งอยู่ อย่างเช่น ดูจากภาพด้านล่าง มินอยู่สถานี Dang Wangi และหากว่าจะไปสถานี KL Sentral ก็ไปยืนรอที่ Platform 2 แต่ว่าวันนั้น มินกำลังจะไปตึกเปรโตนาส ซึ่งจะอยู่สถานี KLCC เลยต้องมายืนรอที่ Platform 1 นั่นเองค่ะ 


หน้าตา Platform ในสถานี ก็เป็นแบบนี้ค่ะ จะมีชื่อของสถานีที่เราอยู่บอกไว้ แต่จะไม่มีลูกศรบอกว่ารถไฟขบวนนี้ไปทางไหน เพราะฉะนั้น กลับไปยืนดูป้ายบอก Platform ด้านบนนะคะ 



ข้อห้ามของรถไฟที่นี่ อาหารและเครื่องดื่มถือเข้าไปได้ (ขนมใส่ถุงเรียบร้อย น้ำดื่มใส่ขวด เป็นต้น) แต่ ห้ามรับประทานค่ะ! ถือแก้วน้ำเข้าไปก็ไม่ได้นะคะ ดูเจตนาเอาไปดื่มชัดเจน ฝ่าฝืนโดนปรับ 500 ริงกิต (5000 บาท)


พอดีมินไม่ได้ถ่ายภาพในรถไฟมา แต่ก็จะเหมือนรถไฟใต้ดินทั่วไปแหละค่ะ เวลาถึงสถานี ก็จะมีเสียงประกาศบอกชัดเจนเป็นภาษาอังกฤษ และป้ายทางออกนั้น ที่มาเลเซียจะใช้ทั้งคำว่า EXIT และ Way Out ส่วนคำว่าทางออกในภาษามาเลย์คือ KELUAR ค่ะ



จบเรื่อง LRT ไปแล้ว ก็มาถึงอีกการบริการกันบ้าง นั่นก็คือรถไฟโมโนเรลค่ะ โดยเราจะต้องขึ้นสาย MONIRAIL LINE (สายสีเขียว) ในการเดินทางในบางย่านที่ไม่มี LRT ผ่านสถานีนะคะ (เช่น บูกิต บินตัง) 

รถไฟโมโนเรลจะวิ่งระยะสั้นๆ  มีจุดจอดเพียง 11 สถานี ซึ่งเพิ่งจะสร้างและเปิดให้ใช้บริการในประเทศมาเลเซียมาเพียง 10 ปีเท่านั้น (สร้างทีหลังสุด) เป็นรถไฟรางเดี่ยวที่มีเพียงโบกี้เดียวเล็กๆ จุคนได้ไม่มาก แต่ว่ามีรอบวิ่งค่อนข้างถี่ ทำนองว่า จุได้น้อย แต่มาบ่อยๆ ค่ะ มินพักย่าน บูกิต บินตัง ทำให้ได้ใช้บริการรถไฟรางเดี่ยวนี้ทุกวันในการเดินทางไปไหนมาไหน ซึ่งจะว่าสะดวกมันก็สะดวก แต่จะดีกว่านี้ถ้ารถไฟ LRT ผ่าน เพราะมันทำให้ต้องไปต่อรถไฟอีกทีนึง แถมเดินไกลจากสถานีอีกต่างหาก ถ้าจะบอกว่าการคมนาคมที่มาเลเซียไม่สะดวก ก็คงจะเป็นเรื่องนี้ล่ะค่ะ (แต่จะหมดปัญหานี้ เมื่อไปถึงยังสิงคโปร์ >.<)

คลิกที่ภาพเพื่อขยาย

หน้าตาของทางเข้าสถานีค่ะ อันนี้ที่สถานีบูกิต บินตัง


ขึ้นไปด้านบนแล้ว ก็จะมีป้ายบอก Platform เช่นกันนะคะ ดูให้ดีก่อนว่า จะเดินไปทางซ้ายหรือขวา รถจะวิ่งสองฝั่งสวนกันเหมือน LRT  แต่ Platform จะอยู่คนละฝั่งเลย (คั่นกลางด้วยราง) ดังนั้น ถ้าขึ้นผิดฝั่ง ต้องเดินลงบันไดไปใหม่จ้า ส่วนการซื้อตั๋วโดยสารนั้น จะเหมือน LRT ทุกประการเลยค่ะ รวมไปถึงใช้เหรียญแบบเดียวกันเลย 


และไม่ต้องห่วงว่าจะนั่งไปลงไม่ถูก เพราะทุกสถานีจะมีป้ายบอกแบบนี้เลยค่ะ



แถมมีโทรศัพท์ไว้สำหรับเผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินด้วย



ส่วนหน้าตาของเจ้ารถโมโนเรล ก็เป็นแบบนี้ค่ะ ใครไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น อธิบายง่ายๆ คือจะมีลักษณะคล้ายๆ รถรางในสวนสนุกแหละค่ะ ด้านในจะมีห้องคนขับ (บังคับด้วยระบบคอมพิวเตอร์) ในส่วนของห้องโดยสาร ก็จะมีที่นั่งอยู่พอสมควร และมีที่ว่างพอให้ยืนได้


ภายในรถก็จะมีเส้นทางของสถานีบอก ว่ารถคันนี้จะวิ่งผ่านสถานีอะไรบ้าง และเมื่อถึงจุดจอดแต่ละสถานี ก็จะมีเสียงประกาศบอกเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน (หายห่วง ไม่ต้องกลัวลงไม่ถูก)


เวลาเดินรถ  จากสถานี KL Sentral ไปยัง Titiwangsa เริ่มตั้งแต่ 6:00 ไปจนถึง 23:30
และจากสถานี Titiwangsa ไปยัง KL Sentral เริ่มตั้งแต่ 6:00 ไปจนถึง 23:50 ค่ะ

ค่าบริการ จะเริ่มต้นที่ 0.70 ริงกิต (หรือ 70 เซน) เช่นเดียวกัน

สำหรับรถบัส หรือรถเมล์นั้น มินเองไม่ได้ใช้บริการเลยค่ะ เพราะ LRT กับ Monorail สะดวกกว่ามาก ออกจากที่พักมาก็เดินมาเจอสถานีโมโนเรลแล้ว รถเมล์จึงไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่ แต่ถ้าใครอยากลองก็จัดไปค่ะ เช็คเส้นทางรถบัส ได้ที่นี่

เวลาเดินรถ 6:00 - 23:00
ค่าบริการ จะถูกกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ คือเริ่มที่ 0.50 ริงกิต (หรือ 50 เซน = 5 บาท) เท่านั้นเอง

ทิ้งท้ายเอนทรี่ยาวๆ นี้ ด้วยภาพรถเมล์ของมาเลเซียนะคะ สำหรับเอนทรี่หน้า จะพาไปช้อปปิ้งย่านบูกิต บินตังกันจ้าาาา


27 กรกฎาคม 2556

แบกเป้ท่องมาเลเซีย+สิงคโปร์ (ข้าวมันไก่ร้าน Chicken Rice Shop)


ร้านข้าวมันไก่ Chicken Rice Shop สัญชาติมาเลเซีย เป็นหนึ่งในร้านดังของมาเลเซีย ที่มีสาขามากมาย ทั่วประเทศ ทำให้หากินได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสาขาอยู่ที่สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และไต้หวันอีกด้วย

ส่วนใน KL นั้น มีทั้งหมด 11 สาขา สาขาที่มินได้ไปทานมา และจะเอามาแนะนำ เพราะไปง่ายหาง่ายนั้น ก็คือที่ KL Sentral ค่ะ


สาขานี้ไปไม่ยากค่ะ หากจะมาจากย่านอื่น ก็นั่งรถไฟ LRT สาย KJ (KELANA JAYA LINE) สีแดง หรือ นั่งรถ MR (Monorail) สีเขียว มาลงที่สถานี KL Sentral ได้เลย หากใครนั่งโมโนเรลมา อาจจะต้องเดินไกลนิดนึง เพราะสถานี MR นั้น จะอยู่คนละที่แยกออกไป ไม่ได้เชื่อมกับอาคาร (การคมนาคมที่มาเลเซียไม่สะดวกก็ตรงนี้แหละค่ะ) ซึ่งเดี๋ยวไว้ครั้งต่อไป มินจะพาไปชมวิธีการขึ้นโมโนเรลกันค่ะ

หากเดินเข้ามายังในตัวอาคาร KL Sentral แล้ว ให้มองหาร้าน Chatime ซึ่งจะอยู่ติดกับร้าน Guardian (อยู่ชั้น 1 เลย) ข้างๆ ร้านจะมีทางให้เดินเข้าไปได้ตามภาพ เดินเข้าไปในนั้นเลยค่ะ



เดินเข้าไปจนสุดทาง (ในซอกนี้จะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟหลายร้านให้เลือกได้ตามใจชอบ) จนเจอป้ายแบบนี้ และข้างหน้าเป็นธนาคาร CIMB ให้เลี้ยวไปทางขวาค่ะ ก็จะเห็นร้านเลยตามรูปแรกด้านบน สีแดงเด่นเป็นสง่าหาไม่ยาก (ถ้าใครจะมาแลกเงินริงกิตที่นี่ ก็เลี้ยวไปทางซ้าย จะมีธนาคารเรียงรายอยู่ค่ะ)



มาดูบรรยากาศด้านในร้านกัน ร้านมีขนาดใหญ่และมีโต๊ะนั่งมากมาย มาตอนเที่ยงๆ ไม่ต้องกลัวโต๊ะเต็ม




เมนูในร้านค่ะ นอกจากข้าวมันไก่ที่ที่นั่นจะเรียกว่า HAINANESE STEAMED CHICKEN RICE แล้วนั้น ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ให้ลิ้มลองกัน รวมไปถึงอาหารที่จัดเป็นเซ็ทไว้ด้วยค่ะ ราคาอาหารก็กลางๆ ค่ะ ไม่ถูกไม่แพง 





อุปกรณ์ในการกิน ร้านนี้ดีมีทิชชู่ให้ด้วย เพราะปกติร้านอาหารต่างๆ ในมาเลเซีย (รวมถึงสิงคโปร์ จะไม่มีทิชชู่ให้นะคะ กรุณาพกไปเองเพื่อความสะดวก)



มินกับเพื่อนสั่งเมนูข้าวมันไก่ค่ะ และจำเพาะเจาะจงเลือกเนื้อส่วนน่องด้วย เพราะข้าวมันไก่สไตล์ HAINANESE หรือจีนไหหลำนั้น เนื้อน่องจะเป็นส่วนที่นุ่มอร่อยที่สุด และราคาจะแพงกว่าส่วนอื่นด้วย

เมนูที่สั่งไปนั้นมาแล้ว มินสั่งเมนูที่ชื่อยาวๆ ว่า Single Portion of Chicken (Drumstick) with Rice and Soup of the Day ราคา 9.5 ริงกิตค่ะ ไก่ที่ร้านนี้จะเสิร์ฟแยกจานกับข้าวมาแบบนี้




เนื้อไก่จะนุ่มและชุ่มมาก รสชาติดีทีเดียวค่ะ



ส่วนข้าวนั้น ยังสู้ของไทยเราไม่ได้ ไม่มันและนิ่มเท่า แต่ก็พอทานคู่กันไปได้หยวนๆ ค่ะ น้ำจิ้มก็จะมีสองแบบมาให้ คือแบบน้ำส้ม (ส่วนใหญ่ทุกร้านจะเป็นแบบนี้) กับอีกแบบคือผสมขิง ก็แปลกไปอีกแบบค่ะ แต่ต้องบอกเลยว่า น้ำจิ้มแบบไทยๆ เรานั้น เด็ดสุดแล้วล่ะค่ะ



และอีกเมนูที่สั่งมาทานคู่กันก็คือเกี๊ยวน้ำค่ะ หรือในเมนูคือ Chicken Dumpling มินสั่งถ้วยขนาด Regular มาทานกันสองคนกับเพื่อนค่ะ ราคา 6 ริงกิต รสชาติก็ออกจืดๆ หน่อย ตามสไตล์อาหารจีน ถ้าได้พริกป่นปรุงสักหน่อยเนอะ คงอร่อยเหาะ อิอิ


อาหารมื้อแรกในมาเลเซียนั้น ถือว่ารสชาติใช้ได้ค่ะ ไม่ถึงกับอร่อยมากกกก แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร ราคาก็สมเหตุสมผลดีค่ะ เช็คบิลออกมาบวกค่า Pepsi อีก 2 แก้ว ค่า Service Charge 5% และ Tax อีก 6% เท่ากับว่ามื้อนี้จ่ายไปรวม 35.5 ริงกิต (355 บาท) ถือว่าจ่ายได้สบายๆ ค่ะ

ใครสนใจอยากมาลองทานกันได้ ก็มาตามเส้นทางที่มินแนะนำได้เลยนะคะ 

Address : Unit 2 & 3, Departure Hall, KL City Air Terminal, KL Sentral Station, 50470 Kuala Lumpur.
Tel : 603-2274-8766
Open from : 10:00 - 22:00
Payment Terms : Cash, Credit Cards 

แบกเป้ท่องมาเลเซีย+สิงคโปร์ (เดินทางเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์)


จากที่ได้เกริ่นๆ ไปในเอนทรี่ที่แล้ว กับเรื่องราวที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยวมาเลเซียนั้น มาถึงตอนนี้ก็ได้เวลาไปท่องยังประเทศมาเลเซียกันแล้วล่ะค่ะ



เนื่องด้วยทริปนี้ มินจะเดินทางสองประเทศ จึงมีเส้นทางการเดินทางดังนี้
กรุงเทพ-กัวลาลัมเปอร์(KL)-มะละกา-สิงคโปร์-กรุงเทพ

มินออกเดินทางเช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 ด้วยสายการบินโลวคอสแอร์เอเชีย
จากกรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) ไปยัง KL (เทอร์มินัล LCCT) เที่ยวบิน FD2911 เวลา 7:10 น.




นั่งๆ นอนๆ ไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมง เครื่องก็แลนด์ดิ้งลงที่เทอร์มินัล LCCT ที่คุ้นเคย (ต่อเครื่องไปเกาหลีที่นี่ประจำ) เรียกได้ว่าพอมาถึงก็เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าค่ะ ซึ่งถ้าใครมาสายการบินโลวคอสก็จะมาลงที่นี่นะคะ แต่ถ้าใครมาสายการบินแบบ Full Service จะไปลงที่สนามบิน KLIA Airport ซึ่งอยู่คนละตัวอาคารกับเทอร์มินัล LCCT นั่นเองค่ะ

ปกติแล้วหากใครเดินทางมาต่อเครื่องที่นี่ เพื่อไปยังเกาหลี (สายการบินแอร์เอเชีย) พอมาถึงอาคารผู้โดยสาร ก็ให้เดินเลี่ยงไปทางซ้ายมือ จะมีประตูเล็กๆ เข้าไปแบบนี้ค่ะ ไม่ต้องผ่านตม. แค่ไป Verify เอกสาร และสแกนสัมภาระเท่านั้น ส่วนถ้ามาประเทศมาเลเซียล่ะก็ เดินขึ้นบันไดไปชั้นบนเลยค่ะ เพื่อไปยังด่านตม.ตามปกติ รอบนี้มินตั้งใจมาเที่ยวที่นี่ ก็เลยต้องขึ้นบันไดไปตามระเบียบ



ตม.ที่มาเลเซียนั้น รวดเร็ว และไม่น่ากลัวใดๆ ไม่ถามอะไรเลย ตรวจพาสสปอต สแกนลายนิ้วมือ แค่นี้ เป็นอันเสร็จ ไม่ต้องหวาดหวั่นแบบเกาหลีเลยล่ะ

หากใครไม่ได้แลกเงินมาจากไทย ก่อนจะเดินเข้าไปยังด่านตม.จะมีบูธแลกเงินอยู่ ก็สามารถแลกที่นี่ก่อนได้ ที่มาเลเซียรับเงินไทยด้วยนะคะ สะดวกมากๆ ส่วนเรทที่สนามบินก็ไม่ถูกไม่แพงค่ะ ส่วนมินตอนไปนั้นไม่มีเวลาไปแลกเงินที่ร้านแลกเงินในไทยเลย ก็เลยวิ่งหาแลกดอลล่าห์สหรัฐไปแทน เพื่อไปแลกริงกิตที่มาเลเซียอีกที ที่ต้องแลกดอลไปก็เพราะว่าเงินริงกิตจะหาแลกยากสักหน่อยค่ะ (ตามธนาคาร) เว้นว่าจะไปที่ร้านรับแลกอย่างเช่น ซุปเปอร์ริชนั่นเลย ส่วนเงินดอลล่าห์สิงคโปร์ หาแลกได้สบายค่ะ



หลังจากผ่านด่านตม.เรียบร้อยแล้วก็เดินตามป้ายบอกทางออกมาเรื่อยๆ จะเห็นบูธแบบนี้ตั้งรออยู่ นั่นคือบูธที่จำหน่ายซิมการ์ดไว้สำหรับโทร.หรือเล่นเน็ตนั่นเองค่ะ อ่านรายละเอียดการใช้งาน ได้ที่นี่



มินเลือกใช้ของ DiGi ค่ะ ซึ่งก็จ่ายไป 25 ริงกิต (ประมาณ 250 บาท) ความเร็วใช้ได้เลยค่ะ แถมใช้ที่มะละกาได้ด้วย มินอยู่ที่มาเลเซียแค่ 4 วัน เลยอาจจะใช้ได้ไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่รวมๆ ก็ถือว่าพอใจค่ะ เพราะใช้เสริชหาเส้นทาง รวมถึงสายรถไฟต่างๆ ตลอดเวลาเลยทีเดียว แต่อยากให้ลองสอบถามทุกเจ้าก่อนนะคะ เพื่อเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา เพราะดูเหมือนว่า HOTLINK น่าจะถูกกว่าค่ะ

หน้าตาซิมเป็นแบบนี้ ตอนซื้อเสร็จก็เปลี่ยนซิมการ์ดมือถือ แล้วก็ให้จนท.ที่บูธตั้งค่าโทรศัพท์ให้เลยนะคะ สะดวกดี ไม่ต้องมางมเอง


หากใครโหลดกระเป๋ามา ก็เดินตามป้ายสีเหลืองในภาพด้านบนไปเลยนะคะ ส่วนมินแบกเป้ไปค่ะ เลยไม่ต้องไปรับกระเป๋าอะไร ก็เดินผ่านบูธนี้ไปเลย เพื่อจะออกไปยังด้านนอก เดินเลยมาหน่อยจะเจอบูธแบบนี้ค่ะ เป็นบูธขายตั๋วรถบัสเพื่อเข้าเมืองนั่นเอง ซึ่งจะมีอยู่ 2 เจ้าคือ SKY BUS (ของแอร์เอเชีย) ราคาเที่ยวเดียว 9 ริงกิต กับ Aero Bus ราคาเที่ยวเดียว 8 ริงกิต ถูกกว่าประมาณ 10 บาท (ไป-กลับ 14 ริงกิต) มองหาป้ายเคาน์เตอร์ที่เขียนว่า KL SENTRAL นะคะ เพราะไม่ว่าเราจะเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีใดก็ตาม เราจะต้องไปลงที่สถานีนี้ เพราะ KL SENTRAL คือ ศูนย์กลางการเดินทางของเมืองกัวลาลัมเปอร์ค่ะ (จากนี้ไปจะเรียกสั้นๆ ว่า KL นะคะ)

ซึ่งการเดินทางเข้าเมืองที่สะดวกที่สุด และ "ประหยัดที่สุด" ก็คือ รถบัส นี่ล่ะค่ะ


สามารถเดินเข้าไปซื้อตั๋วได้เลยค่ะ มากี่คนก็ว่ากันไป จ่ายเงิน รับตั๋ว เป็นอันจบ หน้าตาตั๋วก็เป็นกระดาษบางๆ แบบนี้ มินเลือกนั่งของ SKY BUS ไม่มีเหตุผลพิเศษค่ะ แค่ได้ยินมาว่าสภาพรถดีกว่าอีกเจ้าหน่อยนึงแค่นั้นเอง เลยยอมเสียอีกสิบบาท ซึ่งจริงๆ แล้ว Aero Bus จะแตกต่างยังไงหรือไม่นั้น ไม่ทราบข้อเท็จจริง จริงๆค่ะ ใครเคยขึ้นก็มาบอกกันทีนะคะ และ SKY BUS จะมีตั๋วแบบ One Way ราคาเดียว 9 ริงกิตเท่านั้นค่ะ 



หรือถ้าใครจะไปเที่ยวเกนติ้งล่ะก็ สามารถหาซื้อตั๋วได้ที่นี่เช่นกัน บูธขายตั๋วจะอยู่ตรงข้ามกันบูธด้านบน 



เวลาเดินรถ จาก LCCT ----> KL Sentral   เริ่มที่เวลา 07:00 - 02:45 
และจาก KL Sentral ----> LCCT   เริ่มที่เวลา 03:00 ถึง 22:00 
รถบัสจะออกตามเวลาค่ะ โดยสามารถดูตารางเวลารถบัสได้ข้างล่างนี้เลย อันนี้ของ SKY BUS ที่มินนั่ง

คลิกที่ภาพเพื่อขยาย


ส่วนของอีกเจ้าอย่าง Aero Bus นั้น เวลาเดินรถ จาก LCCT ----> KL Sentral   เริ่มที่เวลา 04:30 - 01:30
และจาก KL Sentral ----> LCCT   เริ่มที่เวลา 03:15 ถึง 22:30

สำหรับใครที่เครื่องไปลงที่ KLIA ก็สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง KLIA Ekspres เข้าเมืองได้เลย สะดวกกว่ารถบัส (แต่แพงกว่ามาก) แต่หากอยากประหยัดด้วยการนั่งรถบัส ก็ต้องมาขึ้นที่ LCCT จะมีรถเมล์สีเขียว ให้บริการจาก KLIA ไปยัง LCCT ค่ะ พอมาถึงแล้วก็ซื้อตั๋วรถบัสได้ตามขั้นตอนเลย

แต่ถ้าจะลองนั่ง KLIA Ekspres ก็มองหาบูธขายตั๋วได้ที่สนามบินเลย ซึ่งจะนั่งไปลงที่ KL Sentral เช่นกัน และจะใช้เวลาเร็วกว่ารถบัสนิดหน่อย ซึ่งเส้นทางจะเป็นแบบนี้ค่ะ

KLIA -------> Salak Tinggi -------> Putrajaya/Cyberjaya -------> BANDAR TASIK SELATAN -------> KL SENTRAL

เวลาเดินรถ จาก สนามบิน KLIA ----> KL Sentral   เริ่มที่เวลา 05:00 ไปจนถึง 01:00 
และจาก KL Sentral ----> สนามบิน KLIA   เริ่มที่เวลา 05:00 ถึง 00:30
เช็คเวลาเดินรถโดยละเอียดได้ที่นี่

ใช้เวลาเดินทาง 45 นาทีพอดีเป๊ะ ค่าโดยสาร เที่ยวละ 35 ริงกิต (ไป-กลับ 70 ริงกิต)

ซึ่งรถไฟความเร็วสูงสายนี้ล่ะค่ะ ที่สามารถนั่งไปยังเมืองใหม่ปุตราจายา และนั่งเพื่อไปยังท่ารถไปมะละกา ได้อีกด้วย (รอติดตามในเอนทรี่ต่อๆ ไป)

หากใครมาต่อเครื่องไปเกาหลี หรือประเทศอื่นๆ แล้วมีเวลาเหลือเยอะ ไม่รู้จะทำอะไร ก็ซื้อตั๋วนั่งไปเดินเล่นเที่ยวชมเมืองปุตราจายาก็ได้นะคะ โดยลงที่สถานี Putrajaya/Cyberjaya ก็ถึงเลย แต่ถ้าจะเข้าเมือง KL ก็ลงสถานี KL SENTRAL เลยจ้า


Putra  Mosque หรือ มัสยิดสีชมพูที่เมืองปุตราจายายามเย็น


กลับมาที่เส้นทางของเรากันต่อ...ก่อนถึงประตูทางออก เราจะผ่านบูธ Tourism Information แบบนี้ แวะเข้าไปขอแผนที่ของ KL ได้ที่นี่เลย ข้างในมีแผนที่เส้นทางของสายรถไฟใต้ดิน และ Monorail ให้ด้วย แต่แอบงกอ่ะ เขาให้แค่คนละ 1 เล่มเท่านั้น ขอสองเขาไม่ให้ (เดินเข้าไปคนเดียว)




จากนั้นพอเดินออกไปนอกตัวอาคาร เพื่อไปขึ้นรถบัส ก็เดินตามฟุตบาทไปเรื่อยๆ เลยค่ะ เดินตามคนเยอะๆ ไปเลย จะผ่านร้านกาแฟดังของมาเลเซีย OLDTOWN WHITE COFFEE ด้วย ใครอยากลองแวะชิมก่อน เชิญได้เลยค่ะ อ่านรีวิวร้านกาแฟ OLD TOWN 



และจะผ่านบูธ Tune Talk ของแอร์เอเชียด้วย หากใครอยากจะซื้อซิมการ์ดก็ซื้อด้านนอกนี้ได้เช่นกันนะคะ จากนั้นก็เดินตรงตามป้ายสีน้ำเงินที่บอกทางไป Bus Services ได้เลยค่ะ


เดินตามทางไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหลง




พอมาเจอทางเดินแบบนี้ ก็แปลว่าถึงท่ารถแล้วค่ะ ถ้าขึ้น SKY BUS แบบมิน ให้มองหารถคันสีแดง (ที่ตัวรถจะเขียนบอก หรือมองคันที่เขียนว่า 9 RM ก็ได้ มันคือค่ารถน่ะค่ะ) ส่วนใครขึ้น Aero Bus ให้มองหาคันสีเหลืองๆ ที่รถเขียนว่า 8 RM จ้าาา



สภาพในตัวรถค่ะ ก็ถือว่าสะอาดใช้ได้ และไม่ได้เก่าอะไรมากมายค่ะ สำหรับ SKY BUS คันนี้ ที่นั่งเป็นแบบ 2-2 และมีทางเดินตรงกลาง เหมือนรถบัสทั่วไป



เอาวิวข้างทางของมาเลเซียมาให้ชมกันค่ะ คล้ายๆ ต่างจังหวัดบ้านเรา ภาพจะมัวๆ หน่อยนะคะ เพราะว่าถ่ายผ่านกระจกรถ แล้วกระจกมัวมากกกกก





ผ่านสนามกีฬา



โรงเรียนมัธยม



ตลาดอะไรสักอย่าง >.<




พอเริ่มเห็นตึก ก็แปลว่าเริ่มเข้าตัวเมือง KL แล้วววว



โชคดีที่มินออกจากสนามบินช่วงสายๆ ประมาณ 10 โมง ไม่ใช่เวลาเร่งด่วน รถจึงไม่ติด จึงใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีได้ค่ะ แต่ถ้ารถติดอาจใช้เวลานานถึง 1.30 - 2 ชั่วโมงค่ะ รถบัสทั้งสองเจ้าจะมาจอดที่เดียวกันเลยคือชั้นใต้ดินของอาคาร KL Sentral ค่ะ รถคันสีแดงข้างหลังในภาพ คือคันที่มินนั่งมานั่นเอง



มาถึงแล้วก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนตามคนอื่นๆ ไปเลยค่ะ



พอขึ้นมาถึงด้านบน ก็จะเจอกับด้านในของอาคารแบบนี้ค่ะ ดูโอ่โถงทีเดียว และพลุกพล่านเต็มไปด้วยผู้คน เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบิน ไปเมืองอื่นๆ หรือแม้แต่การเปลี่ยนจากสายรถไฟใต้ดินมาเป็น Monorail (รถรางเดี่ยว) ก็ต้องมาที่นี่ล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น 3 วันใน KL ของมิน จึงคุ้นเคยกับที่นี่ทีเดียว (มาแวะเปลี่ยนสายรถทุกวัน)




และถ้าใครมาถึงแล้วเกิดหิว ที่นี่ก็มีร้านอาหาร ฟาสต์ฟู้ด ร้านกาแฟ ให้หาอะไรลงท้องก่อนได้ หรือจะขึ้นบันไดเลื่อนนี้ไปยังชั้นสอง เพื่อไปยังศูนย์อาหาร หรือ Food Court ก็ได้



มินกับเพื่อนเองเพิ่งมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 11 โมงกว่าๆ แล้ว เริ่มจะหิว ก็เลยฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารในนี้ล่ะค่ะ เอนทรี่หน้า มินจะพาไปชิมข้าวมันไก่ที่ร้าน Chicken Rice Shop ใน KL Sentral นี้กันค่ะ