19 ธันวาคม 2562

จัดกระเป๋าไปเกาหลีหน้าหนาว เอาอะไรไปบ้าง?


ช่วงฤดูหนาวที่เกาหลี เป็นช่วงที่คนนิยมไปเที่ยวกันมากอีกช่วงนึงเลยล่ะค่ะ เพราะอากาศหนาวเย็น คนไทยอย่างเราๆ ก็อยากไปสัมผัสความหนาวที่ไทยไม่มี แถมถ้าโชคดีอาจได้เจอหิมะด้วย แต่หลายคนอาจจะกำลังกังวลอยู่ว่า เอ...ไปช่วงอากาศหนาวจนถึงขั้นติดลบนั้น ต้องแต่งตัวยังไง? จัดกระเป๋ายังไง? เอาอะไรไปบ้าง? มาค่ะ บทความนี้มินจะมาชวนทุกคนจัดกระเป๋าไปเที่ยวเกาหลีหน้าหนาวกัน


ก่อนอื่นมาดูอุณหภูมิในช่วงที่มินกำลังจะไปกันก่อนนะคะ ซึ่งจากพยากรณ์เกาหลีแบบล่วงหน้า อากาศช่วงนี้จนถึงปลายเดือนธันวาคม ต่ำสุดจะอยู่ราวๆ -3 ถึง -4 (ซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงๆ อาจจะหนาวกว่านี้ได้) การจัดเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายไปใส่ในอุณหภูมิติดลบนั้น จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากๆ ค่ะ


หลายคนอาจจะมีคำถามแล้วว่า ถ้าอย่างนั้นต้องใส่อะไรบ้าง? ใส่แบบไหนถึงจะเอาอยู่? และใส่กี่ชั้น? มาค่ะ ตามมินมาดูไปพร้อมๆ กันเลย ว่ามินจัดกระเป๋าเดินทางและเตรียมเสื้อผ้าไปเกาหลีหน้าหนาวยังไงบ้าง ก่อนอื่นเลย มินจะอธิบายเป็นส่วนๆ ไปนะคะ เริ่มจากท่อนบนก่อน ส่วนตัวมินชั้นแรกจะเป็นเสื้อซับเหงื่อค่ะ อ๊ะๆ อย่าคิดว่าเราไม่มีเหงื่อนะคะ อย่าลืมว่าด้วยอากาศข้างนอกที่หนาวมากๆ ดังนั้นในอาคารต่างๆ รวมถึงในรถไฟใต้ดิน เขาจึงเปิดฮีตเตอร์แรงมากๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ซึ่งถ้าเราใส่หลายชั้นมันอาจจะอุ่นจนเหงื่อออกได้ ดังนั้นมินจึงคิดว่าเสื้อซับเหงื่อชั้นในสุดเป็นสิ่งที่จำเป็นค่ะ และมินเลือกเป็นเสื้อที่ระบายเหงื่อได้ดี ที่ทำจากผ้าไนลอนประมาณพวกเสื้อใส่วิ่งแบบนั้นอ่ะค่ะ หรือจะเป็นรุ่นนี้ของยูนิโคล่ก็ได้ ไม่แนะนำให้ใส่เป็นเสื้อยืดผ้าคอตตอนธรรมดานะคะ เพราะมันไม่ซับเหงื่อ อีกอย่างรุ่นนี้ของยูนิโคล่มันแนบตัวมากๆ ทำให้เวลาที่เราใส่เสื้อผ้าหลายชั้นจะดูตัวไม่บวมพองด้วยค่ะ อันนี้มินสั่งออนไลน์มาเพราะที่ช้อปไม่มีแล้ว (จะวางขายตามฤดูกาลเท่านั้น) เลยเหลือแต่ของผู้ชาย ก็เลยยอมสั่งมาแต่เอาไซส์เล็กสุด หรือถ้าใครมีแบบอื่น ยี่ห้ออื่น ก็ได้เหมือนกัน มินพกไป 4 ตัวค่ะ (สำหรับทริป 16 วัน) ซึ่งมินจะใช้วิธีซักเอา ขี้เกียจเอาไปเยอะ 


ชั้นที่สองจะเป็นฮีทเทคค่ะ ซึ่งยี่ห้อที่เราๆ คุ้นเคยกันก็ยูนิโคล่เนอะ ยี่ห้อนี้พวกเครื่องหนาวเขาโอเค บางคนอาจจะใส่เป็นลองจอนที่บุขนข้างใน แต่มินว่ามันหนาไปค่ะ ไม่อยากดูอ้วน เพราะเราต้องใส่หลายชั้น เลยเลือกเป็นฮีทเทคแบบนี้ดีกว่า บางแนบตัวกว่า แถมเทคโนโลยีนี้ของยูนิโคล่จะช่วยเก็บความร้อนไว้ที่ร่างกายเราด้วย แนะนำว่าพอใส่แล้วให้เคลื่อนไหวร่างกายเยอะๆ เพราะเวลาร่างกายมีอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น เสื้อจะกักเก็บความร้อนนั้นไว้กับตัว ทำให้เรารู้สึกอุ่นเวลาสวมใส่ค่ะ ซึ่งยูนิโคล่เขาจะมี 3 แบบ คือ แบบธรรมดา แบบเอ็กซ์ตร้า และแบบอัลตร้า ซึ่งก็จะแบ่งแยกการใช้งานตามสภาพอากาศค่ะ


ถ้าดูจากอุณหภูมิก่อนไปคือติดลบ ก็ต้องเป็นรุ่น Ultra Warm เนอะ แต่ว่ามินซื้อแบบ Extra Warm มาเสียก่อน ก็เลยจะเอาไปด้วยเผื่อว่าเอาอยู่ และตั้งใจว่าถ้าอุ่นไม่พอ ค่อยไปซื้อเพิ่มที่นู่นเอาค่ะ เพราะไปแอบส่องราคายูนิโคล่เกาหลีมา ฮีทเทคถูกกว่าไทยมากกกกกกก รุ่น Extra นี่ราคา 3xx บาทเท่านั้นเอง ส่วนรุ่น Ultra ราคา 5xx เองค่ะ ใครจะไปซื้อที่นู่นก็ได้นะ ประหยัดดี แต่แนะนำว่าอย่างน้อยควรมีใส่ก่อนในวันเดินทางสัก 1 ตัวนะคะ


ชั้นที่สาม ก็จะเป็นเสื้อไหมพรมค่ะ ชั้นนี้มินไม่แนะนำพวกเสื้อแขนยาวผ้าคอตตอนต่างๆ นะ เพราะมันไม่ค่อยช่วยให้อุ่นเท่าไหร่ ถ้าเป็นไหมพรมน่าจะดีกว่าค่ะ แต่แนะนำให้เป็นไหมพรมที่ถักถี่ๆ หน่อยนะคะ ช่วยกันลมเข้าได้ อย่าเอาแบบถักห่างๆ ไปเน้อ เสื้อไหมพรมอันนี้มินก็พกไปประมาณ 4-5 ตัวค่ะ กะใส่ซ้ำๆ กันเอา เพราะอยู่ด้านนอกใส่ซ้ำได้ไม่เปียกเหงื่อ 


มาที่ชั้นที่สี่ ชั้นนอกสุดกันค่ะ ก็จะเป็นเสื้อโค้ท เสื้อกันหนาว มินพกไปสองตัวสลับกันใส่ ถ้าใครไปน้อยวันเอาไปตัวเดียวก็ได้ จะได้ไม่เกะกะกระเป๋า ตัวแรกจะเป็นโค้ทแบบมีฮู้ดข้างในบุขน ซึ่งอาจจะใส่วันที่อากาศไม่หนาวจัด คิดว่าน่าจะเอาอยู่ หรือใส่คู่กับฮีทเทคตัวหนาเอาค่ะ


ส่วนอีกตัวเป็นแพดดิ้ง หรือที่เราเรียกกันว่าเสื้อมิชลินค่ะ แต่ของมินเป็นแบบไม่ยาวมาก ข้างในเป็นขนเป็ด ส่วนตรงคอจะบุขนอุ่นมากเลยค่ะตัวนี้ อันนี้คิดว่าเจอติดลบมากๆ ก็น่าจะเอาอยู่ แต่นั่นหมายถึงด้านในต้องพร้อมด้วยนะคะ ไม่ใช่ใส่เสื้อปกติแล้วทับด้วยตัวนี้อย่างเดียว บอกเลยว่าไม่รอด เพราะที่เกาหลีจะหนาวลมมากกกกกกกกกกกกก และเสื้อแบบนี้นี่แหละที่จะช่วยกันลมได้ดีสุดๆ อันนี้ใครจะพกไปสักตัวแล้วไปหาซื้อเพิ่มที่นู่นก็ได้ เพราะมีขายเพียบ แถมสวยๆ ทั้งนั้น แนะนำสีเข้มๆ นะคะ คนเกาหลีไม่นิยมใส่สีสันในช่วงหน้าหนาว ถ้าอยากกลมกลืนกันคนท้องถิ่น แนะนำสีดำ สีน้ำเงิน เลยจ้า


มากันที่ท่อนล่างกันบ้างนะคะ อันนี้ต้องบอกเลยว่าการเตรียมเสื้อผ้าที่บอกไปนั้น ขึ้นอยู่กับความขี้หนาวมากน้อยของแต่ละคนด้วยนะ ส่วนตัวมินเป็นคนหนาวท่อนบนค่ะ เลยเตรียมตัวมากหน่อย ท่อนล่างก็เลยจะไม่ได้อะไรมาก มินเลยเตรียมไปแค่เลคกิ้งฮีทเทคสองตัวเพื่อกันหนาวเท่านั้น แล้วก็ติดกางเกงยีนส์ไปด้วยเผื่อมันเกิดหนาวกว่าที่คาดไว้ จะได้สวมทับเลย 5555555 ท่อนล่างนี้ใครจะใส่ลองจอนแบบที่บุขนหรือไม่ก็กางเกงยีนส์ที่เขาทำแบบมีบุขนข้างในก็ได้นะคะ น่าจะอุ่นเหมือนกัน 


มาที่ถุงเท้า ส่วนนี้ถ้าใครจะไปย่ำหิมะ ไปสกี ก็แนะนำเป็นถุงเท้าฮีทเทคไปเลย จะได้อุ่นเท้า ส่วนตัวมินไม่ได้ไปสกีค่ะ ก็เลยเอาแค่ถุงเท้าธรรมดาไป แต่ใส่ซ้อนกันสองชั้น คือข้างในเป็นข้อสั้นปกติ ส่วนข้างนอกจะเป็นข้อยาวหน่อย จะได้อุ่นข้อเท้า ถุงเท้านี่ถ้าไม่พอไปซื้อเพิ่มที่เกาหลีได้ มีเยอะแยะมากมายเลยส่วนรองเท้า ถ้าไม่ได้ย่ำหิมะ สนีคเกอร์ก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องบู้ท แต่แนะนำว่าอย่าเป็นรองเท้าที่เป็นผ้าบางๆ เลือกที่หนาๆ หน่อย หรือเป็นหนังเลยก็ดี และเลือกพื้นที่กันลื่นเพราะหากว่ามีหิมะละลายตามพื้นถนน แล้วเราเดินเหยียบจะได้ไม่ลื่นจ้า ถ้าใครจะใส่ถุงเท้าสองชั้นแบบมิน อย่าลืมลองสวมก่อนนะคะว่ามันแน่นคับรึเปล่า ถ้าแน่นไปก็แนะนำถุงเท้าฮีทเทคไปเลย หรือถ้าเป็นคนไม่ค่อยหนาวตรงเท้า ก็ใส่ถุงเท้าชั้นเดียวเลยก็ได้ค่ะ


สุดท้ายสำหรับเรื่องของเครื่องแต่งกาย ก็คือพร็อพต่างๆ ซึ่งต้องบอกว่าจำเป็นไม่แพ้เสื้อผ้าเลย ก็คือ หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ ถุงมือค่ะ เพราะอากาศที่หนาวมากๆ เนี่ย มันจะทำให้เราหนาวที่ใบหูและจมูกมากๆๆๆ ใครจะเลือกเป็นผ้าพันคอไหมพรมผืนใหญ่แบบปิดได้ถึงหน้าถึงหู หรือจะใช้หมวกไหมพรมใส่ปิดหูช่วยด้วยอีกชั้นก็ได้ (มินไม่ชอบที่ปิดหูค่ะ รำคาญ แต่ใครจะใส่ก็ได้นะ) อย่าลืมหน้ากากใส่เพื่อปิดจมูกด้วยช่วยได้เยอะ มินพกไปแค่หมวกค่ะเพราะมีอยู่แล้ว และกะว่าจะไปซื้อผ้าพันคอผืนใหญ่ที่นู่นเอา ส่วนถุงมือถ้าใครไม่ค่อยหยิบถือมือมาเล่น ถ่ายรูป ก็เอามือซุกกระเป๋าไปก็ได้ ใส่ Hot Pack ไว้ในกระเป๋าเสื้อชั้นนอกเอา แต่ถ้าใครต้องเอามือออกมาสัมผัสลมหนาวบ่อยๆ ก็แนะนำถุงมือไหมพรมค่ะ แบบหนังไม่ค่อยแนะนำ แบบไหมพรมจะอุ่นกว่า หาซื้อที่เกาหลีได้เลยจ้า นี่ก็จะไปซื้อเหมือนกัน 


จบเรื่องเสื้อผ้า มากันที่เรื่องการเตรียมตัวดูแลผิวกันบ้างนะคะ เพราะสำคัญมากๆ เช่นกัน หน้าหนาวอากาศจะแห้งมาก ผิวเราจะสูญเสียความชุ่มชื้นสุดๆ และยิ่งถ้าใครผิวแห้งอยู่แล้ว ต้องระวังผิวแตกให้มากๆ ถ้าเราเตรียมตัวบำรุงไปดีๆ เราก็จะรอดจากผิวแห้งแตกนี้ได้ค่ะ ถ้าใครผิวแห้งมาก (หรือต่อให้ผิวไม่แห้งก็ใช่ว่าจะรอด) มินแนะนำให้เตรียมครีมอาบน้ำไปเอง เพราะถ้าพักตามเกสเฮ้าส์ส่วนมากเขาจะใช้ครีมอาบน้ำแบบแกลลอนถูกๆ ค่ะ (สีเหลืองๆ) แล้วมันแค่ช่วยทำความสะอาด แต่ไม่ค่อยมีมอยเจอร์ไรเซอร์ มินคิดว่าถ้าเราอาบน้ำอุ่นแล้วเนี่ย ผิวจะยิ่งแห้ง ถ้าได้ครีมอาบน้ำที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ ก็น่าจะช่วยถนอมผิวได้ขั้นนึงค่ะ หรือจะไปหาซื้อที่นู่นก็ได้นะ ส่วนตัวมินสั่งซื้อมาจาก iherb เพราะที่ไทยไม่มีตัวนี้ เป็นครีมอาบน้ำ Aveeno ค่ะ สูตรมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้น ส่วนยี่ห้อต่างๆ ในไทย อันนี้ลองไปเดินหาดูกันเอานะคะ เลือกที่เป็นสูตรชุ่มชื้นมากๆ หน่อย

แล้วก็ทริคในการดูแลผิวไม่ให้แห้งแตกของมินก็คือ หลังอาบน้ำเสร็จ ให้เอา Oil ชโลมให้ทั่วตัวขณะตัวยังเปียก แนะนำ Oil ที่ให้การดูแลผิวแบบเข้มข้นหน่อย พวก Olive Oil หรือ Argan Oil อย่างยี่ห้อ Bio Oil ก็ดีค่ะ สารพัดประโยชน์ด้วย ใช้ทาได้ทั้งตัว ทาหน้าก็ได้ เช็ดเครื่องสำอางก็ได้ พกไปขวดเดียวคุ้มเลย

จากนั้นก็ตามด้วยครีมหรือโลชั่นทาตัวค่ะ ยี่ห้อที่มีขายในไทยก็แนะนำ Jergens, Aveeno, Eucerin เลือกสูตรเข้มข้นสำหรับผิวแห้งจะดีสุดค่ะ นอกจากนี้มินก็พก Nivea ตลับน้ำเงินไปด้วย ครีมนี้เข้มข้นมาก เผื่อผิวแตกตรงไหน ก็โบกไปเลยจ้า ส่วนครีมทามือก็ลืมไม่ได้เลยนะ ยิ่งใครไฟฟ้าสถิตย์บ่อย ยิ่งต้องทาครีมเรื่อยๆ ค่ะ แนะนำยี่ห้อ Jergens นี่แหละ บอกเลยว่าครีมอะไรก็ตามที่ใช้ที่ไทยแล้วเหนียว เหนอะ มันจะใช้ได้ดีที่นู่นค่ะ พกไปโลด

สุดท้ายกับบาล์มสารพัดประโยชน์จากยูเซอรีน (กระปุกฝาน้ำเงินในภาพ) อันนี้มินเอามาถ่ายรูปให้ดู เผื่อใครจะไปหาซื้อกัน แล้วพกไปแค่แบ่งใส่ตลับเล็กๆ ไปค่ะ อันนี้มินเอาไว้ทาปากค่ะ เป็นลิปบาล์มก็ได้ หรือจะทาผิวก็ได้ ทาจุดแห้งกร้านต่างๆ ได้หมด จริงๆ เขามีตลับเล็กพกพาขายด้วยนะคะ แต่ถ้าเทียบราคาแล้ว ซื้อกระปุกใหญ่คุ้มกว่ามา แล้วไปหากระปุกแบ่งเอาเอง


ต่อกันด้วยผิวหน้าบ้างค่ะ เริ่มที่ตัวทำความสะอาดก่อนเลย ตัวล้างเครื่องสำอางสำหรับสาวๆ ที่แต่งหน้า มินแนะนำเป็นออยล์หรือบาล์มนะคะ ไม่แนะนำเป็นคลีนซิ่งวอเตอร์ หรือโลชั่นเช็ดหน้าที่เป็นน้ำต่างๆ เพราะอากาศมันแห้งเราไม่ควรเอาโลชั่นเช็ดหน้าที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไปเช็ดหน้าบ่อยๆ ยิ่งทำให้หน้าแห้งเพราะสูญเสียความชุ่มชื้น มินใช้บาล์มของ Banilaco ล้างเครื่องสำอาง และใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์ของ Maybelline เช็ดเมคอัพที่ตากับปากค่ะ เพราะมีส่วนผสมของน้ำมัน ไม่ทำให้ผิวแห้งขึ้น (อันนี้ใช้ Bio Oil ก็ได้นะ) ส่วนทิชชู่เปียกเช็ดเครื่องสำอาง มินพกไปเผื่อวันที่ขี้เกียจค่ะ 55555 ก็จะเลือกสูตรที่ชุ่มชื้นหน่อย

มาที่ตัวล้างทำความสะอาดบ้าง อันนี้แนะนำเป็นครีมหรือวิปโฟมล้างหน้า แทนโฟมหรือเจลนะคะ เพราะมันจะไม่ทำให้ผิวแห้งเอี๊ยด ยังคงมีน้ำมันและความชุ่มชื้นบนใบหน้าอยู่ มินพกไปสองตัวเพราะใช้ประจำอยู่แล้ว คือ Acne-Aid เอาไว้ล้างหน้าตอนเช้า และวิปโฟม Bifesta เอาไว้ล้างตอนเย็นค่ะ อันนี้ใครจะใช้ยี่ห้ออะไรก็ตามชอบเลยนะคะ มีให้เลือกเยอะอยู่

และขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะไปทาครีมบำรุง ก็คือโทนเนอร์เช็ดหน้าค่ะ อันนี้แล้วแต่เลยนะคะว่าใครใช้ไม่ใช้ สำหรับคนที่ใช้โทนเนอร์เป็นประจำ มินแนะนำให้เลือกแบบที่ไม่มีแอลกอฮอลล์นะคะ ยี่ห้อที่นึกออกก็จะมี Neutrogenar แล้วก็ Thayers ค่ะ


มาถึงขั้นตอนที่สำคัญสุดเลยสำหรับสาวๆ ก็คือขั้นตอนของการบำรุงผิวหน้าค่ะ อันนี้มินจะมาแนะนำเฉพาะในส่วนของตัวที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นนะคะ นอกนั้นก็แล้วแต่บุคคลเลยว่าใช้อะไรทาบำรุงกัน เริ่มที่หลังล้างหน้ามินเลือกใช้เจลว่านหางจระเข้โบกไปก่อนเลยค่ะ ให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ซึ่งมินก็บีบจากหลอดใหญ่ใส่หลอดพกพาไป อันนี้ไปซื้อที่เกาหลีได้เลย แนะนำยี่ห้อ The Face Shop ค่ะ เพราะมีส่วนผสมเข้มข้นสุดเลยคือ 99% (เดินสำรวจมาแล้วทุกยี่ห้อ) แต่มันจะมีแค่ไซส์ใหญ่แบบหลอดกับกระปุกค่ะ ไม่มีหลอดเล็กๆ พกพาแบบยี่ห้ออื่น ก็อาจจะขนกลับไทยลำบากนิดนึง หรือใครจะพกอันที่มีขายในเซเว่นบ้านเราไปก็ได้ค่ะ เป็นซองๆ พกง่ายดี (ลืมชื่อยี่ห้อ) ใช้ได้เหมือนกัน แต่พอดีมินใช้ตัวนี้อยู่แล้ว เลยได้เอาไปใช้ค่ะ 

จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการบำรุงของใครของมันเลยนะคะ ใครใช้ครีม ใช้เซรั่ม อะไรอยู่ ก็เอามาใช้ได้ปกติ แต่แนะนำให้เพิ่มตัวให้ความชุ่มชื้น ที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์หรือเติมน้ำให้ผิวมากๆ หน่อย มินพกมา 4 ตัวด้วยกันค่ะ กะว่าสลับใช้เช้าเย็นตามความเหมาะสม ก็จะมี Clinique สูตรชุ่มชื้น 72 ชั่วโมง, Hatomugi, Laneige แล้วก็ Hada Labo สีขาว (สีทองก็ได้) ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นสูตรที่ให้ความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว ส่วนสเปรย์ยูเซอรีน อันนี้มินเอาไว้ฉีดเพิ่มความชุ่มชื้นและเอาไว้พกระหว่างวันค่ะ แนะนำแรงๆ เลยตัวนี้ดีมาก


นอกจากนี้มินก็ยังพกมาส์กต่างๆ ที่ให้ความชุ่มชื้นไปด้วย เผื่อวันไหนอากาศแห้งมากๆ จะได้มีตัวช่วยเสริมค่ะ ก็จะแนะนำเป็น Sleeping Mask ของลาเนจ (หรือยี่ห้ออื่นที่เติมน้ำให้ผิวเหมือนกันก็ได้) มาส์กชีท ก็ยี่ห้ออะไรก็ได้ที่เป็นสูตรเติมน้ำให้ผิว อันนี้ไปหาซื้อที่นู่นได้เลยมีเยอะมากๆ แต่แนะนำว่าให้เลือกสูตรเติมน้ำนะคะ พวกสูตรหน้าขาว หน้าใส อะไรพวกนี้ไม่แนะนำให้ใช้ช่วงนี้ค่ะ แนะนำร้าน Olive Young หรือ LOHB มาส์กใช้ดีเยอะค่ะ ไม่แนะนำพวกร้านขายเครื่องสำอางแบบรวมๆ ตามมยองดง อันนั้นมินว่ามาส์กไม่ค่อยชุ่มชื้นเท่าไหร่ และถ้าใครปากแห้งแตกลอกง่าย ก็แนะนำมาส์กลิปของลาเนจเช่นกัน โบกก่อนนอนไปเล้ยยยยย


แถมท้ายนิดนึงสำหรับสาวๆ ที่รักการแต่งหน้า ไปเที่ยวทั้งทีก็อยากแต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ ถ่ายรูปอะเนอะ แต่เครื่องสำอางที่ควรพกไปใช้นั้นก็ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพอากาศด้วย ไม่อย่างนั้นหน้าแห้งเป็นขุยแน่ๆ สำหรับรองพื้นมินแนะนำให้เลือกสูตรโกลว์ ดิวอี้ เกาหลีทั้งหลาย ได้เวลาใช้แล้วจ้าาา เพราะสูตรพวกนี้ใช้ที่ไทยมักไม่รอด หน้าเยิ้มเป็นสังขยา แต่เอาไปใช้ที่เกาหลีหน้าหนาว รับรองรอด ส่วนพวกสูตรเนื้อแมท คุมมันต่างๆ นั้น พักก่อนจ้ะ อย่างมินก็เอารองพื้นแบบโกลว์กับคุชชั่นไป คอนซีลเลอร์ใต้ตาก็เลือกแบบน้ำ ไม่เอาแบบครีมไม่งั้นแครกแน่ๆ ส่วนแป้งไม่ทาค่ะ หน้าจะได้ไม่แห้งเกิน ดูแบนดูไม่มีมิติ ถ้าใครหน้ามันมากๆ อาจจะใช้แปรงปัดแป้งฝุ่นเบาๆ บางๆ ตรงส่วนทีโซนก็พอค่ะ

ส่วนบลัชออนปัดแก้มนั้น มินแนะนำแบบเนื้อครีมหรือเนื้อทินต์ เนื้อฝุ่นจะทำให้ผิวหน้าดูแห้งเกินไป ลิปสติกก็เลือกแบบเนื้อบาล์มมีสี หรือเนื้อครีม พวกลิปแมทจิ้มจุ่ม แมทขั้นสุดนั้น ไม่แนะนำอย่างแรงเลยจ้า เพราะอากาศหนาวๆ ปากเราจะแห้งแตกได้ง่ายมากๆ เจอลิปแบบแมทเข้าไป ตายแน่นอน เป็นร่องอย่างไม่ต้องสืบ แล้วก็อย่าลืมลิปบาล์ม ลิปมัน ให้การบำรุงด้วยนะคะ อันนี้ใครใช้ยี่ห้ออะไรแล้วแต่เลย


ปิดท้ายบทความอันยาวเหยียดและละเอียดยิบอันนี้ด้วยยาค่ะ อย่าลืมพกยาสามัญประจำบ้าน ประจำตัว ไปกันด้วย เพราะอากาศที่หนาวข้างนอก แล้วมาเจอฮีทเตอร์ในอาคาร สลับกันไปมา เสี่ยงมากกับการไม่สบาย ยิ่งใครเป็นภูมิแพ้อากาศแบบมิน หยูกยาควรมีพร้อม ถ้าไม่มีไปหาซื้อที่นั่นได้ ร้านยาที่เกาหลีซื้อง่ายค่ะ ไม่ต้องมีใบแพทย์ และหลายๆ ร้านตามสถานที่ท่องเที่ยวจะพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ทางที่ดีพกไปก็ดีนะคะ เพราะยาที่เกาหลีก็แพงกว่าไทย แถมอาการบางอย่างแต่ละคนก็จะถูกกับยาบางตัวไม่เหมือนกันด้วย อย่างมินนี่พกไปเต็มกระเป๋าค่ะ โรคยิบย่อยเยอะ 55555555 


ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็น่าจะครบแล้วนะคะสำหรับการเตรียมตัว เตรียมพร้อม ในการจัดกระเป๋าไปเที่ยวเกาหลีหน้าหนาว ว่าควรพกควรเอาอะไรไปบ้าง อาจจะดูเยอะ ดูหยุมหยิม แต่เชื่อมินเถอะค่ะว่าเราคนไทย อยู่ประเทศเมืองร้อน เราจะไม่มีทางชินกับอากาศที่หนาวขนาดนั้นได้แน่นอน เพราะฉะนั้นการเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดี ก็จะทำให้ทริปเที่ยวของเราราบรื่นขึ้น รวมไปถึงการดูแลผิวในช่วงอากาศหนาวและแห้งก็สำคัญ เพราะอากาศแบบนั้นถ้าไม่เตรียมดูแลให้ดี ผิวอาจจะแตก แห้ง คัน ได้เลือดได้เลยล่ะค่ะ ทรมานตัวเองไปอีก แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมอย่างที่มินแนะนำไปแล้วนั้น เชื่อว่าน่าจะช่วยได้ไม่น้อยเลยล่ะ

ขอให้ทุกคนมีความสุขและสนุกสนานกับช่วงเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึงนี้นะคะ และถือโอกาสนี้ "สวัสดีปีใหม่" ทุกคนเลย ปลายปีนี้ใครไปเที่ยวเกาหลีถ้าเจอมินและจำหน้ากันได้ ทักทายได้เลยนะคะ ^^ ขอให้ทุกคนมีความสุข โชคดีรับปีใหม่ค่ะ

13 ธันวาคม 2562

บริการดีๆ จาก Ewha DH guesthouse สำหรับแฟนเคป๊อบตัวจริง


ถ้าใครกำลังมองหาคนรับจองบัตรคอนเสิร์ตที่เกาหลี งานแฟนมีตติ้ง และงานแสดงต่างๆ แล้วล่ะก็ มินขอแนะนำ Danny Oppa ค่ะ เจ้าของที่พัก Ewha DH guesthouse ย่านอีแด เพราะเขามีความสามารถในการเสาะแสวงหาบัตรคอนเสิร์ตต่างๆ ได้ตามใจที่เราต้องการ ไม่ว่าบัตรจะหายากแค่ไหนก็ตาม ส่วนราคาขึ้นอยู่กับการตกลง บวกเพิ่มมากน้อยขึ้นอยู่กับที่นั่งและความยากในการได้มา ซึ่งใครที่สนใจงานไหน (แดนนี่สามารถหาให้ได้ทุกงานเลยค่ะ) ก็สามารถทักไลน์ไปสอบถามกันได้เลยจ้าาา ตามช่องทางการติดต่อด้านล่างนี้เลย



Danny Oppa from DHguesthouse
Phone : +82-10-7622-6372
Line : ohmydanny, @LRQ8895z
Kakao : ohmydany (n ตัวเดียว)
Whats app : +821076226372
Instagram : ewhadh_guesthouse
Website : http://bit.ly/2CDT5Xm

**ไม่ต้องติดต่อผ่านมาทางมินนะคะ ให้ติดต่อแดนนี่โดยตรงค่ะ


สำหรับงานคอนเสิร์ต แฟนมีตต่างๆ ที่จะมีขึ้นนั้น มินก็จะคอยมาอัพเดตบอกกันตลอด แต่หากงานไหนไม่ได้เอ่ยถึง ก็สอบถามแดนนี่เองได้เลยนะคะ เริ่มที่งานแรกกันเลย คอนเสิร์ตใหญ่ของ EXO ที่หลายคนรอคอยยยยย 'EXO Encore Concert' จัดที่โซล KSPO Dome วันที่ 29-31 ธันวาคม 2019 งานนี้ใครอยากร่วมเคาท์ดาวน์ไปกับหนุ่มๆ จัดเลยจ้า


ต่อกันด้วยงานกีฬาสีประจำปี ​'ISAC (Idol Star Athletic Championship)' ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคม 2019 นี้แล้ว งานนี้ใครสนใจรีบติดต่อจองบัตรด่วนๆ เลย


และอีกงานที่ไม่มีไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับปลายปีแบบนี้ กับงานประกาศรางวัลของสถานีต่างๆ เริ่มที่ 'SBS Gayo Daejeon 2019' งานแบบนี้ไม่มีบัตรขาย นอกจากไปร่วมสนุกชิงรางวัล ตามแต่ที่เกาหลีจะจัดไว้นะคะ แต่ถ้าใครอยากเข้างาน แดนนี่ก็สามารถหาบัตรและพาเข้าชมได้ งานมีวันที่ 25 ธันวาคม 2019 Line up ศิลปิน ได้แก่ GOT7, NU’EST, Red Velvet, MAMAMOO, BTS, SEVENTEEN, TWICE, AOA, MONSTA X, Apink, GFRIEND, ASTRO, Stray Kids, Chungha, Oh My Girl, NCT Dream, ITZY, N.Flying, NCT 127 และ TXT เรียกได้ว่าเยอะแยะมากมายจริงๆ


ถัดมาอีกช่อง กับงาน '​KBS Gayo Daechukje 2019' งานจัดวันที่ 27 ธันวาคม 2019 Line up ศิลปิน ได้แก่ BTS, GOT7, ITZY, MONSTA X, TWICE, NU'EST, Red Velvet, SEVENTEEN, NCT127, NCT Dream, Stray Kids, The Boyz, TOMORROW x TOGETHER, Golden Child, MAMAMOO, Song Gain, ASTRO, EVERGLOW, A Pink, N.Flying, GFRIEND, OH MY GIRL, Cosmic Girls และ Kim Chungha


มาที่งานประกาศรางวัลทางดนตรีบ้าง กับงาน 'GAON CHART MUSIC AWARDS 2019' งานจัดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม 2020 ใครที่อยู่เที่ยวยาวๆ ไปถึงหลังปีใหม่ จะไปชมงานนี้ด้วยก็น่าสนใจนะคะ เพราะงานนี้ก็มีศิลปินตบเท้าไปร่วมงานกันมากมายเลยล่ะ


ต่อกันด้วยงานนี้เลยค่ะ งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ กับงาน 'Golden Disc Awards 2020' จัดขึ้นถึงสองวัน ในวันที่ 4-5 มกราคม 2020 งานนี้จัดที่ Gocheok Sky Dome ค่ะ


สุดท้ายกับงานอัพเดตในช่วงนี้นะคะ ยังคงเป็นงานประกาศรางวัลที่เป็นธรรมเนียมส่งท้ายปี กับงานนี้ 'Seoul Music Awards 2020' ใครอยากตามไปให้กำลังศิลปินคนโปรดลุ้นรางวัลต่างๆ ก็สามารถติดต่อเพื่อจองบัตรได้ตั้งแต่วันนี้เลยจ้า งานจะมีขึ้นในวันที่ 30 มกราคม 2020



บริการใหม่!! สำหรับที่อยากได้อัลบั้มต่างๆ ของศิลปิน สามารถสั่งซื้อกับแดนนี่เลย มีบริการจัดส่งถึงบ้านที่ประเทศไทยเลยค่ะ สนใจติดต่อสอบถามแดนนี่ได้เล้ยยย


และอีกบริการจากแดนนี่ สำหรับใครอยากเข้างานแฟนไซน์ของศิลปินที่เกาหลี แดนนี่สามารถช่วยทำการลงทะเบียนเข้างานให้ได้ด้วยน้า ติดต่อผ่านไลน์แดนนี่ส่วนตัวได้เลยจ้า



สำหรับการเข้าชมรายการเพลงสุดฮิต Every Week Music Programs ที่หลายคนอยากที่จะได้ลองเข้าชมสักครั้ง ฝันจะไม่เป็นแค่ฝันอีกต่อไป เพราะแดนนี่สามารถหาบัตรเข้าชมให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรายการเพลง The show (วันอังคาร), Show champion (วันพุธ), M countdown (วันพฤหัสบดี), Music bank (วันศุกร์), Show! Music core (วันเสาร์) และ Inkigayo (วันอาทิตย์) ใครอยากเข้าชม ก็ติดต่อแดนนี่ได้เลยในทุกสัปดาห์ รายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมช่องทางการจอง >> http://bit.ly/2CDT5Xm


มาถึงบริการใหม่ล่าสุดของแดนนี่กันบ้าง กับบริการรับติดป้ายโฆษณาในสถานีรถไฟใต้ดิน สำหรับแฟนเคป๊อบที่จะทำให้ศิลปินที่ชอบ อาทิ ครบรอบวันเกิด, ครบรอบวันเดบิวต์, วันคัมแบ็ค, วันพิเศษต่างๆ ตามที่เราต้องการ จะขนาดเท่าไหร่ แบบไหน ก็สามารถติดต่อแดนนี่ พูดคุยสอบถามเรื่องราคา ค่าใช้จ่าย เลือกสถานที่ได้ตามใจ ซึ่งราคาแต่ละป้ายแต่ละสถานที่จะแตกต่างกันออกไปนะคะ






และสำหรับบริการที่พักที่ Ewha DH guesthouse นั้น ใครที่กำลังมองหาที่พักราคาประหยัด ซึ่งสามารถจองที่พักอย่างเดียว หรือที่พัก+บัตรคอนเสิร์ต ก็ได้ ซึ่งอย่างหลังจะได้ราคาที่พิเศษขึ้นค่ะ โดยติดต่อตามช่องทางด้านบนได้เลย คลิกดูรายละเอียดห้องพักและราคา 


สุดท้าย นอกไปจากบริการทั้งหมดแล้วนั้น แดนนี่โอปป้ายังเสนอคอร์สเรียนภาษาเกาหลี สำหรับคนที่สนใจอยากจะมาเรียนภาษาเกาหลีถึงถิ่น โดยจะเป็นคนจัดการสมัครและดำเนินการทุกอย่างให้ เพื่อให้การเริ่มต้นของคุณง่ายขึ้นค่ะ ทั้งยังสามารถพักที่ Ewha DH guesthouse ตลอดช่วงการศึกษาได้ในราคาพิเศษเช่นกัน เพราะมหาวิทยาลัย หรือสถาบันสอนภาษา ที่อยู่ใกล้กับเกสเฮ้าส์นั้น ก็มีหลายที่ค่ะ (ที่พักตั้งอยู่ใกล้สถานี Ewha Womans Univ.)

สำหรับสถานที่เรียนภาษาเกาหลีนั้น ทางแดนนี่โอปป้าก็มีมาให้เลือกทั้งหมด 4 ที่ด้วยกัน รายละเอียดคอร์สและราคาตามนี้ค่ะ (ต้องการข้อมูลช่วงเวลาของการเรียน หรือข้อมูลอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ให้สอบถามทางแดนนี่โอปป้าโดยตรงนะคะ)

1.คอร์สเรียนภาษามหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University) 
ค่าเรียน : 1,680,000 วอน (ประมาณ 50,400 บาท) 
ค่าลงทะเบียน : 80,000 วอน (ประมาณ 2,400 บาท)
วันที่เรียน : จันทร์-ศุกร์
เวลา : 9:00-13:00 หรือ 13:40-17:40 (แล้วแต่จะเลือกลง)
ระยะเวลาเรียน : 10 สัปดาห์ (รวม 200 ชั่วโมง)


2.คอร์สเรียนภาษามหาวิทยาลัยซอกัง (Sogang University)
ค่าเรียน : 1,600,000 (ประมาณ 48,000 บาท)
ค่าลงทะเบียน : 60,000 วอน (ประมาณ 1,800 บาท)
วันที่เรียน : จันทร์-ศุกร์
เวลา : 9:00-13:00
ระยะเวลาเรียน : 10 สัปดาห์ (รวม 200 ชั่วโมง)


3.คอร์สเรียนภาษามหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ewha Womans University)
ค่าเรียน : 1,540,000 วอน (ประมาณ 46,200 บาท)
ค่าลงทะเบียน : 60,000 วอน (ประมาณ 1,800 บาท)
วันที่เรียน : จันทร์-ศุกร์
เวลา : 9:00-13:00
ระยะเวลาเรียน : 10 สัปดาห์ (รวม 200 ชั่วโมง)


4.คอร์สเรียนภาษาสถาบันสอนภาษา Best Friend
ค่าเรียน : 692,000 วอน (ประมาณ 20,760 บาท)
ค่าลงทะเบียน : 112,000 วอน (ประมาณ 3,360 บาท)
วันที่เรียน : จันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี, ศุกร์
เวลา : 10:00-13:00 หรือ 14:00-17:00 (แล้วแต่จะเลือกลง)
ระยะเวลาเรียน : 4 สัปดาห์ (รวม 48 ชั่วโมง)

10 ธันวาคม 2562

ย้อนยุคไปเป็นนักเรียนเกาหลี ที่ Saemun Boutique (새문의상)


จากที่มินเคยแนะนำร้านชุดนักเรียนเกาหลีคิวท์ๆ กันไปแล้วก่อนหน้านี้ ที่ชื่อว่าร้าน Ehwagyobok คราวนี้มินมีอีกร้านมาแนะนำค่ะ เป็นร้านเช่าชุดนักเรียนเกาหลีเหมือนกัน แต่!! มาในแบบย้อนยุคจ้าาาาาา เก๋มากอะ ภาพซนเยจินในหนังเรื่อง The Classic ลอยมาเลย ฮาาาา ใครอยากไปลองใส่ชุดแบบนี้บ้าง ตามมาเลย ร้านนี้ชื่อว่า Saemun Boutique (แซมุนบูทีค) ค่ะ


ก่อนอื่นเลยร้านจะตั้งอยู่ใกล้กันกับ Donuimun Museum Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านย้อนยุค ที่มีการจำลองชีวิตของชาวเกาหลีในยุคสมัยช่วง 60-80s เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนต์ ร้านตัดผม ห้องเรียน บ้านพักอาศัย รวมถึงบ้านเกาหลีโบราณอย่างฮันอกด้วย นอกจากนี้ยังได้ชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ในยุคสมัยนั้น ให้ได้ไปเดินเล่นถ่ายรูปกัน เป็นสถานที่เที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นและเปิดให้เข้าชมได้เมื่อปี 2017 นี่เอง



และเพื่อความอินและกลมกลืนกับธีมย้อนยุค เราควรใส่ชุดนักเรียนเกาหลีในยุคสมัยนั้นไปถ่ายรูปเก๋ๆ กัน ร้านเช่าชุดนักเรียนเกาหลี Saemun Boutique มีชุดนักเรียนเกาหลีในสมัยก่อนให้เช่ามาใส่เดินเล่นถ่ายรูปกันด้วย ซึ่งชุดก็มีหลายแบบรวมถึงมีทั้งของนักเรียนหญิงและนักเรียนชายเลยล่ะ ที่สำคัญเขามีไซส์ครบเลยนะ ชุดผู้หญิงมีตั้งแต่ไซส์ XS ถึง 4XL ส่วนชุดผู้ชายจะมีตั้งแต่ XS ไปจนถึง 2XL เลยจ้า ไม่ว่าจะรูปร่างแบบไหน ก็มีชุดให้ใส่ทุกคน


จะใส่แอ๊บถ่ายรูปภายในบ้านจำลอง เหมือนเราเป็นนักเรียนเกาหลีจริงๆ ก็ยังได้






หรือจะใส่ถ่ายกับบรรยากาศรอบนอกก็ดูไม่หลุดธีม แถมถ้าไปกับแก๊งค์เพื่อนๆ น่าจะถ่ายรูปกันสนุกเลยล่ะ





มีมุมรถไฟเก่าด้วยนะ The Classic สุดๆ




หรือใครยังติดใจกับบรรยากาศของบ้านโบราณฮันอกที่คนนิยมไปถ่ายรูปกับชุดฮันบกนั้น ที่นี่ก็มีเหมือนกันจ้า




สำหรับค่าเช่าชุดนั้น ราคาต่อชุดตามนี้เลย (ราคานี้เฉพาะชุด)
- เช่า 2 ชั่วโมง 10000 วอน
- เช่า 4 ชั่วโมง 15000 วอน
- เช่าแบบเต็มวัน 20000 วอน
- เช่า 2 วัน 1 คืน 30000 วอน
หากต้องการเช่านานกว่านี้ คิดราคาเพิ่มคืนละ 5000 วอนค่ะ

ค่าเช่าอุปกรณ์เสริม
- กระเป๋านักเรียน 2000 วอน
- หมวก 2000 วอน
- รองเท้า 2000 วอน
- ปลอกแขน 1000 วอน
**ค่าเช่าล็อกเกอร์เก็บสัมภาระ 2000 วอน

นอกจากนี้มีบริการพร๊อพต่างๆ เพิ่มเติมจำหน่ายด้วย เช่น ถุงเท้า ถุงน่อง ไม้เซลฟี่ และขาตั้งกล้อง
**ต้องใช้พาสสปอตอย่างน้อย 1 เล่มในการเช่า พร้อมจ่ายค่ามัด 5000 วอนต่อชุด (ได้รับคืนเมื่อเอาชุดมาคืน)

วิธีใช้บริการและเงื่อนไขต่างๆ
1.แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนไปอย่างน้อย 1 วัน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว หากไม่สะดวกจองจะเข้าไปใช้บริการในวันนั้นเลยก็ได้ แต่ถ้าคิววันนั้นเต็มก็อาจจะหมดสิทธิ์จองได้ค่ะ
2.ส่งอีเมลจองไปที่ saemunbq@naver.com หรือ Inbox ไปในเฟซบุ๊กเพจของร้าน โดยระบุข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ โดยระบุ
- ชื่อผู้จอง
- วันที่ต้องการใช้บริการ
- เวลาที่ต้องการใช้บริการ สามารถระบุเผื่อได้ไม่เกิน 30 นาที และสามารถเลือกเวลาได้ตั้งแต่ 9:00-18:00 ของทุกวัน
- จำนวนคน

ตัวอย่าง
Name : Thidarat Naiyarat
Reservation date : 25 December 2019
Reservation time : 13:00-13:30 PM 
Number of visitor : 2

หลังจากทางร้านได้รับอีเมลจองเรียบร้อย จะส่งอีเมลตอบกลับหรือข้อความยืนยันการจองให้เราอีกครั้ง

หมายเหตุ
- ไม่สามารถระบุช่วงเวลาเกิน 30 นาทีได้ เช่น จะเข้าใช้บริการช่วง 12:00-13:00 แบบนี้จะจองไม่ได้
- หากมาสายเกินกว่าเวลาที่แจ้งไป 10 นาที การจองจะถือว่ายกเลิก แต่ยังสามารถใช้บริการได้ในสถานะลูกค้าทั่วไป (ต้องต่อคิว)
- หากจองไว้เป็นกลุ่ม หรือ 2 คนขึ้นไป ทุกคนในกลุ่มจะต้องมาถึงร้านก่อนเวลานัดหมาย เพื่อที่ทางร้านจะได้ให้บริการได้ทันเวลา
- สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาหรือยกเลิกการจองได้ทางอีเมลและ Inbox เพจเฟซบุ๊กเท่านั้น


สำหรับที่สนใจอยากจะเที่ยวที่นี่และอยากเช่าชุดนักเรียนเกาหลีย้อนยุคมาใส่ถ่ายรูปเก๋ๆ กันแล้วล่ะก็ ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามหมู่บ้าน Donuimun Museum Village เลยค่ะ และเดินจากสถานีรถไฟใต้ดินมาแค่ 500 เมตรเท่านั้น เดินทางไปง่ายและอยู่ไม่ไกล ห่างจากจตุรัสควางฮวามุนแค่ 1 สถานีเท่านั้นเอง

Address : Gapdo Building 3 floor, 23-8 Jeong-dong, Jung-gu, Seoul
Open from : Everyday 09:00-19:00 (Last Rental Order 18:00)
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 5 (สีม่วง) ลงสถานีซอแดมุน (Seodaemun) ทางออกที่ 5 จากนั้นเดินไปทางสี่แยกไฟแดง ร้านจะอยู่ที่ชั้น 3 ของตึก Gapdo Building (ตามภาพด้านล่าง) ซึ่งจะอยู่ตรงสี่แยกพอดี และที่ชั้นล่างของตึกเป็นร้านกาแฟ EDIYA COFFEE ค่ะ

Photo by Kakao Map


Map คลิกที่ภาพเพื่อขยาย