หากมาเดินเล่นแถวๆ ถนนซัมชองดงกิล หรือมาเที่ยวพระราชวังคยองบกกุง ต้องไม่พลาดที่จะลิ้มลองอาหารที่ขึ้นชื่อในย่านนี้ นั่นก็คือ คัลกุกซู หรือก๋วยเตี๋ยวนั่นเอง คัลกุกซูที่ย่านนี้เป็นที่นิยมของชาวเกาหลีมาก เพราะมีร้านอร่อยๆ หลายร้าน รวมถึงมีร้านดังและร้านเก่าแก่ตั้งอยู่ด้วย นั่นก็คือร้านที่ชื่อว่า 황생가 칼국수 (ฮวางแซงกา คัลกุกซู) ที่มินเคยได้ไปลิ้มลองมาแล้วล่ะค่ะ ซึ่งร้านนี้เขามี 2 สาขาในเกาหลี คือที่ถนนซัมชองดงกิลแห่งนี้ และที่พุนดังค่ะ
ซึ่งที่สาขานี้ ก็ได้ถ่ายรายการ Running Man Ep.206 ด้วยล่ะค่ะ
เมื่อเดินเข้ามาในร้าน ก็จะเจอกับที่นั่งรอคิว มีไว้สำหรับวันที่ลูกค้าเยอะๆ ส่วนตอนที่มินมา คนไม่เยอะค่ะ เลยเดินเข้าไปในร้านได้เลย
ในร้านมีตู้กดชา กาแฟ ด้วยนะ
บรรยากาศในร้าน จะเห็นว่าคนที่มากินส่วนมาก จะเป็นครอบครัว และผู้ใหญ่หน่อย เป็นร้านดัง ร้านที่ถูกปากชาวเกาหลี จนต้องบอกต่อแบบรุ่นสู่รุ่น
อาจุมม่าเชื้อเชิญให้มินเข้าไปด้านในสุดของร้าน เพราะด้านหน้านั้นที่นั่งเต็ม ก็เดินตามทางนี้มาเลย ก็จะเจอกับห้องที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในค่ะ
ต้องถอดรองเท้าแล้ววางไว้ที่ชั้นด้านหน้าก่อนนะคะ
ที่นั่งด้านในนี้จะเป็นแบบนั่งพื้นค่ะ มินไม่กล้ายกกล้องสูงนัก เพราะมีคนอื่นๆ นั่งกินอยู่ในห้องด้วย เกรงใจ >.<
มาดูเมนูในร้านกัน มีอะไรกินบ้างน้าาา
ในเมนูบอกว่ามี 콩국수 (คงกุกซู) เป็นก๋วยเตี๋ยวเย็นในน้ำซุปถั่วเหลือง, 구절판 (คูจอลพัน) อาหารชาววัง, 모듬전 (โมดึมจอน) แพนเค้กแบบรวม และก็เนื้อย่างต่างๆ ใครอยากกินคูจอลพัน ก็มากินที่ร้านนี้ได้
และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง 칼국수 (คัลกุกซู) ค่ะ รวมถึงยังมี 만두국 (มันดูกุก) และ 만두 (มันดู) อีกด้วย
บนโต๊ะจะมีอุปกรณ์พร้อม
ส่วนอันนี้คือ "กริ่ง" ค่ะ มินชอบร้านที่มีกริ่งแบบนี้มาก เอาไว้กดเรียกพนักงาน หรืออาจุมม่าในร้าน เวลาที่เราต้องการสั่งอาหาร เหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่เคอะเขินไม่รู้ว่าจะยกมือดักกวักมือเรียกยังไง โดยเฉพาะร้านที่พูดแต่ภาษาเกาหลีแบบนี้ค่ะ แต่ถ้าร้านไหนไม่มี แล้วจะเรียกพนักงานในร้านเพื่อสั่งอาหาร หรือขออะไรก็ตาม ให้พูดว่า 저기요 (ชอกีโย) นะคะ
น้ำเปล่าเย็นๆ ชื่นใจมาเสิร์ฟก่อนเลย ที่เกาหลีมักจะเสิร์ฟเป็นน้ำเย็นแบบไม่ใส่น้ำแข็งแบบนี้นะคะ นอกจากช่วงหน้าร้อน ร้านอาหารบางร้านอาจจะมีน้ำแข็งมาให้ด้วย แต่ถ้าปกติ มักจะไม่มีค่ะ
ตามมาด้วยกิมจิ สีสันจัดจ้านมากกกกกกกก และกิมจิโฮมเมดร้านนี้ อร่อยมากๆ ค่ะ
มินมีโอกาสได้มาที่ร้านนี้สองครั้งค่ะ ครั้งแรกมาคนเดียว อีกครั้งพาเพื่อนมาลอง ครั้งแรกที่มามินสั่งคัลกุกซูค่ะ เพราะเป็นของดังย่านนี้ มาทั้งทีไม่ลองได้ไง ^^ ชามละ 9000 วอน
ต้องบอกว่าคัลกุกซูชามนี้รสชาติดีมากค่ะ น้ำซุปอร่อย ส่วนเส้นก็นุ่มมาก เป็นเส้นสด อร่อยทีเดียว แต่ว่าก๋วยเตี๋ยวเกาหลีนั้น ถ้าว่ากันแล้วก็ต้องบอกว่ามีรสชาติ "จืด" นะคะ อาจจะไม่ค่อยถูกปากคนไทยเราเท่าไหร่นัก แถมไม่มีเนื้อสัตว์ด้วย มีแต่เส้นกับน้ำซุป หลายคนอาจจะกินไม่อร่อยได้ ส่วนมินก็ถือว่าโอเคค่ะ อร่อยอยู่นะ กินกับกิมจิก็ช่วยเพิ่มรสชาติได้ค่ะ แต่ถ้าให้กินทุกวันคงไม่ไหว ชีวิตต้องการเนื้อสัตว์บ้างไรบ้าง >.<
ต้องบอกเลยว่าเมนูนี้อร่อยมากกกกกกกกกกกก มันดูหรือเกี๊ยวอร่อยมากจริงๆ ค่ะ แต่ถ้าใครไม่กินเนื้อวัวก็ต้องอดไปน้าาา เพราะมันดูจะไส้เนื้อวัวค่ะ รวมถึงน้ำซุปต่างๆ ทั้งกุกซูและมันดูกุก ก็เคี่ยวมาจากกระดูกวัวเช่นกันค่ะ
ส่วนอันนี้ก็มันดูนึ่ง ดูจากในรูปเหมือนไม่ใหญ่ แต่ของจริงลูกใหญ่มาก เอาจริงๆ กินแค่ 2 ลูกก็จุกแล้วอ่ะ จานละ 9000 วอนเท่ากันค่ะ จะกินแบบนึ่งหรือแบบซุป ก็อร่อยไม่แพ้กันเลย
Photo by ladiesdirectory
Address : 78, Bukchon-ro 5-gil, Jongno-gu, Seoul
Tel : 02-739-6334
Open from : 11:00-21:30
How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 สีส้ม ลงสถานีคยองบกกุง (Gyeongbokgung) ทางออกที่ 5 ออกมาเจอพระราชวังแล้วให้เดินออกไปยังถนนใหญ่ด้านนอก แล้วเดินเลียบกำแพงวังไปตามถนนซัมชอง (Samcheong)
พอเจอป้อมนี้ก็เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลยค่ะ
ถนนเส้นนี้คือถนนซัมชอง ที่ตลอดทางของฝั่งตรงข้ามกำแพงวัง จะเต็มไปด้วยแกลลอรี และพิพิธภัณฑ์งานศิลปะต่างๆ
นอกจากนี้ ถนนเส้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติสมัยใหม่และร่วมสมัย (National Museum of Modern and Contemporary Art) หรือ MMCA อีกด้วย
เดินมาเรื่อยๆ จะผ่านประตูทางเข้าแบบนี้ ตรงนี้เป็นทางเข้าไปยัง พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (National Folk Museum of Korea) ได้ค่ะ
และเมื่อเดินมาถึงพิพิธภัณฑ์นี้แล้ว มองไปยังถนนฝั่งตรงข้าม จะเห็นมีซอยเข้าไป ก็เดินข้ามถนนไปยังซอยนั้นเลยค่ะ
เข้ามาในซอยจะเจอ ARARIO GALLERY แบบนี้ และร้านคัลกุกซู จะอยู่ถัดไปเลยค่ะ
Map คลิกที่ภาพเพื่อขยาย
หรือจะมาอีกทางก็ได้คือ มาจากสถานีอันกุก (Anguk) ทางออกที่ 1 เดินมาเส้นทางเดียวกับไป Ice Gallery แต่พอถึงแยกตรง TIC ก็เลี้ยวไปทางซ้ายแทน ก็จะเจอร้านเช่นกันค่ะ
Map คลิกที่ภาพเพื่อขยาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น