อาหารหรือของว่างในช่วงฤดูหนาวนั้น นอกจากมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้อบอุ่นและลืมความหนาวเหน็บไปได้บ้างแล้วนั้น ยังช่วยให้คนเกาหลีได้ย้อนความทรงจำในวัยเด็ก และสะท้อนถึงวัฒนธรรมเกาหลีได้เป็นอย่างดี ใกล้จะเข้าฤดูหนาวกันแล้ว มินเลยมีเรื่องราวของอาหารว่างนี้มาฝากกัน เรามาดู Winter Street Snacks ที่คนเกาหลีนิยมกินกันในช่วงฤดูหนาวนี้กันค่ะ
เริ่มที่อย่างแรก 붕어빵 (พุงงอปัง) หรือ 잉어빵 (อิงงอปัง) ขนมปังรูปปลาตะเพียน หรือ ปลาคาร์พ ที่ด้านในเป็นไส้ถั่วแดงหวานบด หรือบางร้านก็ใส่ไส้คัสตาร์ด ไส้พิซซ่า และอื่นๆ ตามแต่จะครีเอท พบเห็นได้ตามท้องถนนทั่วไป มีขายทุกฤดูกาล และทุกสถานที่ หากินได้ง่าย ส่วนราคาก็แตกต่างกันไปตามภูมิภาค แต่จะอยู่ที่ประมาณ 1000-2000 วอน แนะนำให้กินตอนร้อนๆ จะอร่อยมาก ถ้าทิ้งไว้เย็นจนชืด ถั่วแดงจะไม่อร่อยอย่างแรง (เคย >.<)
และรู้มั้ยคะว่า เขามีวิธีการดูบุคลิกภาพของคนจากการกินบุงงอปังได้ด้วยนะ ถ้าใครกินส่วนหัวก่อน มักเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่ค่อยแยแสกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ชอบพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาไม่เก็บไว้ มีความปรารถนาแรงกล้า แต่ก็สามารถลดลงได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ถ้าใครกินส่วนหางก่อน เป็นคนที่มักจะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใส่ใจในรายละเอียด และจับความรู้สึกของคนอื่นได้ช้า เป็นคนละเอียดอ่อน โรแมนติก และทันสมัย
ถ้าใครกินส่วนท้องก่อน มักจะมีนิสัยเหมือนผู้ชาย เป็นคนปราดเปรียว ฉลาด และชอบออกไปไหนมาไหน เรียกว่าอยู่ไม่นิ่งนั่นเอง ถ้าใครกินส่วนครีบก่อน มักเป็นคนเจ้าอารมณ์ มีนิสัยเหมือนเด็ก และรักสันโดษ ถ้าใครแบ่งครึ่งขนมแล้วกินส่วนหัวก่อน มักเป็นคนเด็ดเดี่ยว และชอบวางแผน ตระหนี่ และไม่ชอบให้ใครยืมเงิน สุดท้าย ถ้าใครแบ่งครึ่งขนมแล้วกินส่วนหางก่อน มักเป็นคนสุภาพ ประหยัดอดออม และมีเหตุผลค่ะ ใครที่เคยกินแล้ว มาบอกกันทีว่าตรงมั้ย ส่วนมิน ตรงเผงเลยล่ะ แต่ไม่บอกนะว่าข้อไหน อิอิ
อย่างต่อมา 호빵 (โฮปัง) หรือ 찐빵 (จินปัง) ซาลาเปานั่นเอง ที่ด้านในมีทั้งไส้ถั่วแดงยอดนิยม และไส้ผักต่างๆ รวมถึงไส้เนื้อหมู เนื้อวัว มันหวาน ฟักทอง และอื่นๆ คำว่า โฮปัง นั้น มีที่มาจากคำว่า "โฮโฮ" ที่เป็นเสียงที่คนเกาหลีเปล่งออกมาตอนเป่าอาหารร้อนๆ รวมไปถึงเสียงหัวเราะในครอบครัวที่มาจากการได้กินขนมโฮปังร่วมกัน
ในสมัยก่อนโฮปังเป็นอาหารว่างในฤดูหนาวเท่านั้น และยังเป็นสัญญาณว่าฤดูหนาวกำลังมาถึง แต่ปัจจุบันก็มีขายตลอดทุกฤดูเช่นกัน ราคาจะประมาณลูกละ 1000-1500 วอน หาซื้อได้ตามร้านขายริมถนนทั่วไป แหล่งที่มีมากก็คือตลาดนัมแดมุน
มาถึงสิ่งที่ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ นั่นคือ 군고구마 (คุนโคกุมะ) หรือมันเทศหวานปิ้ง มันเทศหวานจะสุกงอมในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งการนำมาปิ้งนั้น จะทำให้รสชาติของมันเทศหวาน หวานกว่าการนำไปนึ่ง ส่วนราคาก็ประมาณ 3 ชิ้น 2000 วอน หรือถูกแพงกว่านี้แล้วแต่ร้าน
เตาปิ้งมันเทศหวานจะหน้าตาเป็นแบบนี้ เคยเห็นกันมั้ยคะ
ถัดมาคือ 군밤 (คุนบัม) หรือลูกเกาลัดคั่วที่รู้จักกันดี ลูกเกาลัดจะถูกเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม่ร่วง เกาลัดคั่ว เป็นหนึ่งในความนิยมมากที่สุดของของว่างในช่วงฤดูหนาวที่คนเกาหลีสามารถทำกินเองที่บ้านได้
การคั่วเกาลัดจะใช้เวลานานในการทำ แต่ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับรสชาติที่ดีที่สุดออกมาจากเกาลัด และยังช่วยให้ปอกเปลือกง่ายขึ้นด้วย มักวางขายตามริมถนน หรือใกล้กับตลาด จะใส่ถุงกระดาษขนาดเล็กราคา 3000-5000 วอน แล้วแต่ย่าน
มาที่ 호떡 (โฮต็อก) บ้าง เป็นอาหารว่างในช่วงฤดูหนาวแบบดั้งเดิม ที่อร่อยและราคาถูก หากินได้ทั่วไปทำจากแป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทรายแดง ถั่วลิสง และอบเชย แล้วนำไปทอดในน้ำมันเหมือนแพนเค้ก บางชนิดก็ใส่ไส้พวกธัญพืชลงไปด้วย เวลากัดจะได้ความอร่อยของน้ำตาลทรายแดงที่ละลายเป็นน้ำเชื่อม ราคาแล้วแต่ที่ ในโซลมักจะชิ้นละ 1000 วอน ส่วนตามต่างจังหวัด เช่น ปูซาน ชิ้นละ 500 วอนเท่านั้น
ขนมอีกชนิดที่มินชอบมาก 계란빵 (คเยรันปัง) หรือขนมปังไข่ ที่ด้านในใส่ไข่ไก่เอาไว้ด้วย ขนมปังไข่จะมีสองแบบ คือแบบที่ไข่ด้านในสุกจนเป็นไข่ต้ม กับแบบที่เป็นไข่ดาว หากินได้ทั่วไป มีขายมากมายเต็มไปหมดเหมือนกับพุงงอปัง และโฮต็อก ราคาอันละ 1000 วอนค่ะ
มาต่อกันที่ของกินเล่นข้างทางที่นิยมในฤดูหนาว ที่กินแล้วอิ่มท้องบ้าง เริ่มที่นี่เลย 떡볶이 (ต็อกบกกี) แป้งต็อกราดซอสเหนียวๆ รสชาติเผ็ดๆ นี่แหละ ของว่างที่สาวเกาหลีชอบมากๆ พบได้ง่ายทั่วทั้งเกาหลี
ต็อกบกกีเป็นหนึง่ในอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลี มีรสเผ็ดโดดเด่น เป็นเมนูจัดจ้าน ในฤดูหนาวจะนิยมกินกันมากเป็นพิเศษ เพราะให้พลังงานมาก รวมถึงความเผ็ดร้อนช่วยประทังความหนาวเย็นได้ดีทีเดียว และจากอาหารริมทาง ปัจจุบันก็ถูกนำมาเป็นหนึ่งในเมนูตามร้านอาหารมากมาย และมีรสชาติแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าออริจินัลจริงๆ ต้องยืนกินทางข้าง มันถึงจะได้ฟีล ราคาก็จานละ 2500-3500 วอน
และสุดท้ายของของว่างยอดนิยมในช่วงฤดูหนาว 오뎅 (โอเด้ง) หรือ 어묵 (ออมุก) แป้งที่ทำจากเนื้อปลาเสียบไม้แล้วต้มในหม้อซุปที่ใส่หัวไชเท้าและสาหร่ายทะเล รสชาติคล้ายลูกชิ้นปลาบ้านเรา ด้วยเพราะมีน้ำซุปด้วยนี่เองถึงเป็นเมนูยอดนิยม เพราะความร้อนของซุปช่วยให้ไออุ่นได้เป็นอย่างดี แถมเวลาสั่งต็อกบกกีมากินคู่กันด้วยแล้ว น้ำซุปยังช่วยลดความเผ็ดลงได้ด้วย หากินได้ตามร้านรถเข็นที่เดียวกับที่ขายต็อกบกกี ราคาไม้ละ 500-1000 วอน
โอเด้งนั้น ก็เป็นหนึ่งในเมนูที่ย้ายสำมะโนครัวจากริมทางไปยังร้านอาหารเช่นกัน แต่กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าแบบเสียบไม้แล้วยืนกินหน้าร้านหรอก เชื่อสิ
หลายคนคงสงสัย ทำไมต้องยืนกินหน้าร้าน? คนเกาหลีเขามีวัฒนธรรมในการยืนกินเป็นที่เป็นทางมากกว่าเดินกินค่ะ ยกเว้นน้ำ หรือขนม ที่สามารถเดินถือกินได้ เพราะจะไม่มีซอสให้หกเลอะถนน และไม่มีไม้เสียบที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่นด้วย เขาจึงนิยมยืนกินให้เรียบร้อย กินเสร็จก็ทิ้งไม้กับแก้วกระดาษใส่ซุปไว้ที่ถังขยะหน้าร้านได้เลย เพราะหากเดินกิน มันอันตรายมากที่ไม้จะไปทิ่มแทงผู้อื่น แถมดูไม่เรียบร้อย และสกปรกเลอะเทอะง่ายอีกด้วยนั่นเองค่ะ
อากาศหนาวๆ ที่เกาหลี เหมาะที่จะกินของว่างแบบนี้เสียจริงๆ แม้ว่าจะหากินได้ทุกฤดู แต่กินฤดูไหนก็ไม่ฟินเท่าฤดูหนาวแน่นอน ไม่เชื่อก็ไปลองกันดูนะคะ แล้วจะรู้ว่ามันฟินยังไง ^^
Credit : ข้อมูลและภาพประกอบจาก visitkorea.or.kr
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น