20 ตุลาคม 2560

รีวิวเกาหลี พาเที่ยวหมู่บ้านโบราณชอนจู (Jeonju Hanok Village) กินพิบิมบับต้นตำรับ


ในเดือนตุลาคมของทุกปี ที่หมู่บ้านโบราณชอนจู (Jeonju Hanok Village) เมืองชอนจู จ.ชลลาบุคโด จะมีงานเทศกาลประจำปีค่ะ นั่นก็คืองาน  Jeonju Bibimbap Festival หรือเทศกาลพิบิมบับที่เราคุ้นเคยนั่นเอง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมายสนใจไปงานนี้กัน หรือแม้แต่ไม่ใช่ช่วงเทศกาล หมู่บ้านแห่งนี้ก็เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีเลยล่ะ อย่างมินเองก็เคยได้ไปที่นี่สองครั้งค่ะ แต่ไม่ใช่ช่วงเทศกาล ก็เลยจะเอาภาพบรรยากาศและรีวิววิธีไปให้อ่านกัน 


มินเอาบรรยากาศของหมู่บ้านมาให้ชมกันยาวๆ ไปก่อนนะคะ ส่วนวิธีเดินทางค่อนข้างยาว จะเล่าตอนท้ายละกันค่ะ หมู่บ้านโบราณชอนจู (Jeonju Hanok Village) อยู่ในเมืองชอนจู และมีบ้านโบราณที่เรียกว่า 'ฮันอก' อยู่ร่วมๆ 800 หลัง ที่ยังคงเก็บรักษาและอนุรักษ์ไว้ เพื่อรักษาเสน่ห์และประเพณีอันเก่าแก่ของเกาหลีเอาไว้ จนได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองชอนจู


ภายในหมู่บ้านมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ได้ทั้งวัน บ้านโบราณที่นี่เป็นบ้านสไตล์เกาหลีแบบดั้งเดิม ที่มีขอบหลังคาเป็นเอกลักษณ์ เดินเล่นที่นี่ก็จะได้บรรยากาศเกาลี๊เกาหลีสุดๆ ไปเลยล่ะ




อาคารบ้านเรือนต่างๆ ก็ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านค้า และตกแต่งอย่างสวยงาม น่ารัก







ร้านเช่าและขายชุดฮันบกก็ด้วย



ใครมาเที่ยวที่นี่ จะเช่าชุดฮันบกมาใส่ถ่ายรูปสวยๆ ก็ได้นะ ชาวเกาหลีที่มาเที่ยวนิยมเช่าชุดใส่กันเยอะเลยล่ะ




มาดูของกินของที่นี่บ้างดีกว่า บอกเลยว่ามากมายยยยยยยย ใครมาเที่ยวนี่แนะนำให้เดินเล่นเดินชิมขนมไปเรื่อยๆ นะ เพลินดี


ไดฟูกุสตรอเบอร์รี่ อร่อยดีเหมือนกันค่ะ


ทัคคัลชี หรือไก่ย่างเสียบไม้ สตรีทฟู้ดยอดฮิต ที่สำคัญของโปรดมินเลย แถมร้านนี้มีชีสยืดดดดดสุดๆ อร่อยมากมายดาวล้านดวง


อันนี้ร้านชีสย่างค่ะ เมืองชอนจูเป็นเมืองนึงที่มีชีสจำหน่ายเยอะ เหมือนเป็นแหล่งผลิตหลักๆ ทำนองนั้น ชีสย่างนี่อร่อยดีนะ แต่คนเกาหลีจะแปลกอย่างค่ะ ชอบกินหวานคาวปนกัน อย่างในภาพนี่คืออาจุมม่าราดซอสบลูเบอร์รี่มาให้ด้วย! ขุ่นพระ จริงๆ ชีสย่างมันอร่อยนะ แต่จะอร่อยกว่าถ้าไม่มีซอสบลูเบอร์รี่ มันเข้ากันมั้ยยยยยยยยย


น้ำหวานเรนโบว์ ใส่ขวดไล่สีสวยๆ แบบนี้ ต้นกำเนิดคือที่นี่แหละค่ะ ก่อนจะฮิตมากกกกก จนลามไปถึงโซล ปัจจุบันก็น่าจะเลิกฮิตละ 555555


สเต็กมือถือร้าน W Hand Steak ก็มีนะ หรือจริงๆ กินในโซลก็ได้ >.< แต่อร่อยนะ ใครยังไม่เคยไปลองกัน ในโซลสาขาเยอะมาก


ไอศกรีมทิรามิสุอันโด่งดังก็มี แต่คนละร้านกับในโซล แอบคิดว่าอร่อยน้อยกว่าในโซลนิดนึง แต่ให้เยอะกว่า และโอปป้าคนทำน่ารัก ให้อภัย 5555555



เดินถ่ายรูปไป ชิมขนมและอาหารข้างทางไป บรรยากาศก็เพลินๆ ดีนะคะ มีอะไรน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปตลอด





อันนี้เป็นร้านขายของเล่นและขนมแบบย้อนวัย น่ารักดีเหมือนกัน


ร้านขายของที่ระลึกก็เยอะนะ แต่ไม่ได้ถ่ายมาเลย >.< ถ่ายมาแค่พวกรองเท้าเกาหลีแบบสมัยก่อน เห็นมันน่ารักดีค่ะ ซื้อเป็นของฝากเก๋ดีนะ


ถ้าเดินเล่นจนท้องเริ่มหิวของหนักแล้วล่ะก็ มาถึงถิ่นพิบิมบับจะไม่ลองกินได้ยังไง มินแนะนำร้านนี้เลยค่ะ อร่อยมากกกกกกกกก แถมไม่แพงเท่าร้านอื่นด้วย ยิ่งร้านที่อยู่ต้นๆ ถนนจะแพงมากเลย แต่ร้านนี้อยู่แอบๆ นิดนึง แต่รับรองถูกและอร่อยค่ะ ชื่อร้าน 현대옥 (ฮยอนแดอก)



บรรยากาศในร้าน ร้านมีขนาดใหญ่นะคะ โต๊ะเพียบ



นอกจากเมนูพิบิมบับแล้วเขาก็มีอย่างอื่นนะ


ส่วนพิบิมบับที่นี่ ราคาปัจจุบันคือ 10000 วอนค่ะ (ประมาณ 300 บาท) อาจจะดูแพงถ้าเทียบกับร้านทั่วๆ ไปในโซล แต่ถ้าเทียบกับที่นี่แล้ว มินว่าถูกกว่าร้านอื่นค่ะ ที่สำคัญอร่อยมากกก ดูหน้าตาสิ น่ากินมั้ย เครื่องครบมาเต็มเลยล่ะ ใครอยากลองพิบิมบับแบบดั้งเดิมของเมืองชอนจูนี่บอกเลยต้องมาลองนะ ซึ่งพิบิมบับแบบดั้งเดิมนั้น จะใส่ชามทองเหลืองแบบนี้ ไม่ใช่ชามหิน และใส่ไข่แดงไม่สุก เพื่อให้คลุกผสมกับข้าวร้อนๆ ข้างล่างค่ะ บอกเลยว่าฟินมวากกกกกกกกกกกก



ทุกโต๊ะจะมีสาหร่ายห่อวางไว้ แกะทานได้ฟรีเลยนะคะ เอามาห่อข้าวแบบนี้ อร่อยเหาะมากอะ!


อันนี้เครื่องเคียง กินแกล้มกัน เพลินดีค่ะ แนะนำเลยว่าอย่าลืมมาลองเด็ดขาด!


ส่วนพิกัดร้านอยู่ตรงนี้ค่ะ อยู่หลังกำแพงในภาพ จุดที่มีรถลากนี้หาไม่ยาก อยู่ถนนเส้นหลักเลย และเป็นจุดที่คนจะมาถ่ายรูปกันเยอะ รับรองว่าหาง่ายแน่นอนจ้า


ก็นับว่าที่นี่เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเที่ยวกันนะคะ แม้ว่าจะนั่งรถนานจากโซลสักหน่อย แต่ก็สามารถใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่นี่ และหมดไปกับการเดินเล่น ถ่ายรูป กินของอร่อยได้ แบบที่ไม่น่าเบื่อ (จะเบื่อก็ตรงนั่งรถนานนี่แหละ) แต่ถ้าใครคิดว่า เวลาเดินทางไม่ใช่ปัญหา ก็อยากแนะนำให้ลองมากันสักครั้ง ยิ่งถ้ามาเที่ยวในช่วงเทศกาลพิบิมบับแล้วนั้น จะคึกคักเป็นพิเศษ แถมได้ชิมพิบิมบับมากมายด้วย แต่ถ้าใครไม่มีเวลามาช่วงนี้ ก็หาโอกาสเหมาะๆ แล้วนั่งรถมาเที่ยวกันค่ะ ^^


คราวนี้มาดูวิธีเดินทางกันนะคะ จริงๆ แล้วมีหลายวิธีมากในการเดินทางมาที่ Jeonju Hanok Village นี้ สามารถอ่านละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ ส่วนมินจะเขียนอธิบายถึงวิธีที่มินเคยมาก็แล้วกันนะ เริ่มจากวิธีแรก คือ ใช้บริการรถบัส Jeollabuk-do Shuttle Bus อ่านเพิ่มเติม ซึ่งในตอนนี้บริการเต็มหมดแลวในช่วงเทศกาลพิบิมบับนะคะ แต่ในวันอื่นๆ ยังสามารถเข้าไปกดจองกันได้ สำหรับจุดขึ้นรถนั้น จะอยู่ที่บริเวณหน้าดิวตี้ฟรีแถวควางฮวามุนนะคะ ตรงบริเวณนี้จะเป็นจุดจอดรถบัสมากมาย เพราะฉะนั้นเพื่อความชัวร์ อย่าลืมถามก่อนว่าใช่รถคันที่เราจะไปรึเปล่านะคะ อย่างบริการของ  Jeollabuk-do Shuttle Bus จะเป็นคันนี้ค่ะ


จะมีเจ้าหน้าที่รอตรวจสอบรายชื่ออยู่ เราก็เข้าไปแจ้งชื่อที่ใช้จองไว้ได้เลยนะคะ พร้อมเอกสารการจองที่ปริ๊นไปจากบ้าน พอเช็คเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถจับจองที่นั่งได้เลยค่ะ เราจะใช้เวลาโดยสารรถบัสนี้ไปถึงหมู่บ้านโบราณชอนจูประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งค่ะ พอมาถึงแล้วรถจะมาจอดยังที่จอดรถบริเวณนี้ ซึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก และเวลาขึ้นรถกลับ (สำหรับคนที่จองตั๋วมาแบบไป-กลับ) ก็ต้องกลับมาขึ้นรถที่นี่ ให้ตรงตามเวลาด้วยนะคะ เพราะถ้าช้าเพียง 1 นาที รถจะไม่รอค่ะ แนะนำว่า อย่าเดินเที่ยวเพลิน คอยดูเวลา และเผื่อเวลาในการเดินกลับมาที่รถด้วย ให้มาถึงก่อนสัก 15-20 นาทีก็จะดีค่ะ


จากนั้นก็เดินตรงไปตามทางข้างหน้าเลยนะคะ หรือเดินตามๆ เขาไปก็ได้ เดินมาจนเจอถนนแบบนี้ จะเริ่มเห็นหลังคาบ้านโบราณแล้วใช่มั้ยคะ ก็เดินเลี้ยวซ้ายและเดินต่อไปเรื่อยๆ เลย



เดินมาจนเห็นสะพาน ก็ข้ามสะพานนี้ไปค่ะ พอข้ามไปแล้ว ก็จะถึงหมู่บ้านเลย



วิวสวยๆ ตรงสะพาน



อีกวิธีนึงที่มินเคยมา ก็คือรถบัสธรรมดาค่ะ วิธีนี้ค่ารถจะแพงกว่าด้านบน แต่ยืดหยุ่นในเรื่องของวันและเวลาเดินทางมากกว่า สำหรับคนที่ไม่อยากทำอะไรตามตารางเวลา และอยากจะไปเที่ยวในช่วงวันอื่นๆ ที่ไม่มีบริการรถของชอนจู วิธีนี้เริ่มจากนั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 ไปลงที่สถานี Nambu Bus Terminal Exit 5


ออกมาแล้วเดินเลี้ยวขวาไปตามอาคารแบบนี้ค่ะ


เลี้ยวมาจะเจอประตูทางเข้าอาคาร ก็เข้าไปเลยจ้า


ซื้อตั่วได้ที่เคาเตอร์เลยนะคะ สามารถเลือกเที่ยวรถได้ ตารางเวลารถดูได้ในสถานีเลยค่ะ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะไป 'ชอนจู'


เจ้าหน้าที่จะให้เราดูที่จอเพื่อเช็คนะคะ ว่าจุดหมายปลายทางถูกต้อง คำว่าชอนจูในภาษาเกาหลีเขียนแบบนี้นะคะ '전주' มินเลือกเที่ยวรถคือ 11:00 และในจอบอกว่ารอที่ชานชาลา 7 ค่ารถบัสเที่ยวละ 12700 วอนต่อคน มินไปสองคนก็ 25400 วอน เมื่อข้อมูลทุกอย่างถูกต้อง ก็ให้เจ้าหน้าที่ออกตั๋วได้เลยค่ะ **ปัจจุบันค่ารถเปลี่ยนเป็นเที่ยวละ 12800 วอน



เสร็จแล้วได้เวลารถใกล้ออก ก็เดินออกไปรอที่ชานชาลา 7 ได้เลย


รถของเราหน้าตาแบบนี้ค่าาาาา


ได้เวลารถออก ก็ขึ้นรถและยื่นตั๋วให้คนขับ ตั๋วจะถูกฉีกออกไปส่วนนึงค่ะ


เบาะนั่งในรถก็จะประมาณนี้ ปรับเอนได้ นั่งสบายอยู่เหมือนกันนะคะ มินนั่งหลับยาวเลยจ้าาาา อ้อฝั่งที่มินนั่งคือเบาะคู่นะคะ แต่ไม่ได้ลุกขึ้นถ่าย เกรงใจคนบนรถ


ผ่านไปสามชั่วโมงก็มาถึงสถานีรถบัส Jeonju Intercity Bus Terminal แล้วค่ะ เดินออกมาหน้าอาคาร ก็เลี้ยวไปทางซ้าย และเดินไปทางตึกในภาพ


ป้ายรถเมล์ที่เราต้องนั่งรถต่อไปยังหมู่บ้านนั้น จะอยู่ตรงข้ามตึกนี้ค่ะ หรือใครจะนั่งแท็กซี่จากตรงนี้ไปก็ได้นะไม่ว่ากัน บอกคนขับได้ว่าไป 'ชอนจูฮันอกมาอึล' (전주한옥마을)


มาดูป้ายรถเมล์กันหน่อยดีกว่า ว่าเราต้องไปยังไง จากที่มินอ่านดูแล้ว สายที่เราไปได้ก็คือ 72 และ 79 ค่ะ


และจากจอมอนิเตอร์ที่ป้าย บอกว่า สาย 79 กำลังจะมาถึงในอีก 8 นาที


เพราะฉะนั้น มินจะไปสาย 79 นี่ล่ะค่ะ มาดูเส้นทางกัน ตรงนี้อาจลำบากนิดนึงเพราะมีแต่ภาษาเกาหลี แต่มินทำรายละเอียดมาให้เรียบร้อย ดูรูปไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ จากจุดที่เรารอรถอยู่นั้นจะเป็นตัวหนังสือสีแดงชื่อว่าป้าย 시외버스터미널 (Intercity Bus Terminal) ส่วนป้ายที่เราจะไปลงนั้นชื่อเป็นภาษาเกาหลีคือ 전동성당 / 한옥마을 (Jeondong Cathedral / Hanok Village) ก็จะนั่งไปทั้งหมด 8 ป้ายด้วยกันค่ะ



นั่งรถมาประมาณ 20-25 นาทีก็ถึงที่หมาย ลงรถเมล์มาแล้ว ก็เดินไปทางขวา เดินไปจนเห็นโบสถ์ไกลๆ ตรงนั้นคือทางเข้าหมู่บ้านค่ะ


ข้ามถนนไปฝั่งเดียวกับโบสถ์ และจะเห็นป้ายบอกทางเข้าหมู่บ้าน Jeonju Hanok Village แบบนี้ค่ะ เลี้ยวไปโลด


เลี้ยวมาก็เจอหมู่บ้านเลย จะแวะถ่ายรูปที่โบสถ์ก่อนก็ได้นะ ซึ่งทางเข้าทางนี้จะคนละฝั่งกับที่เรามาด้วยรถบัสชอนจูด้านบนนะคะ บรรยากาศในภาพจะแห้งๆ หน่อย เพราะตอนนั้นมินมาช่วงปลายเดือนมีนาคมค่ะ ส่วนขากลับก็เดินไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านที่เราเดินเข้ามา ขึ้นสาย 72 หรือ 79 เหมือนเดิม กลับไปลงที่สถานีรถบัส และต่อรถบัสกลับโซลได้เลยค่ะ



ก็จบรีวิวพาเที่ยว Jeonju Hanok Village แล้วนะคะ ค่อนข้างจะอธิบายวิธีเดินทางยาวทีเดียว ไว้เป็นแนวทางสำหรับคนที่สนใจไปเที่ยวกัน ยิ่งช่วงนี้บรรยากาศน่าเดินและสวยเป็นพิเศษ เพราะใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ก็อย่าลืมหาโอกาสเหมาะๆ แล้วตามไปเที่ยวกันนะคะ ^^